นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกในช่วงครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าจะปรับสูงขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 75-80 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง จากการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวขึ้น ทำให้กลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน(โอเปก)คงกำลังการผลิตน้ำมันไว้ และสหรัฐอเมริกามีสำรองน้ำมันสูงสุดในรอบ 19 ปี
อย่างไรก็ตาม ย้งไม่เชื่อว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับสูงขึ้นถึง 100 ดอลลาร์/บาร์เรลในระยะเวลาอันใกล้ เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวยและโอเปกไม่มีนโยบายให้ราคาน้ำมันสูงเกินไป
นายมนุญ กล่าวว่า จากราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มสูงขึ้น จึงต้องการให้รัฐบาลมีการพิจารณาปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม(LPG)และราคาก๊าซธรรมชาติในรถยนต์(NGV)เพราะหากราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศสูงขึ้นถึง 33-35 บาท/ลิตรจะทำให้ประชาชนหันไปใช้ LPG และ NGV มากขึ้น
การปรับราคา LPG อาจดำเนินการบางส่วน เฉพาะที่นำเข้าจากต่างประเทศ เนื่องจากมีส่วนต่างราคาระหว่างในประเทศกับต่างประเทศประมาณ 60-70 ดอลลาร์/ตัน ส่วนราคา NGV หากรัฐบาลไม่ให้ปรับขึ้นราคา ก็อาจไม่มีการขยายสถานีบริการเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งกระทบต่อผู้บริโภคทำให้สถานีบริการไม่เพียงพอ
ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน ยังกล่าวสนับสนุนให้กระทรวงพลังงานยกเลิกการจำหน่ายน้ำมันเบนซิน 91 และดีเซล บี 2 เนื่องจากจะช่วยลดภาระการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศที่มีราคาสูง แต่ต้องคำนึงถึงปริมาณวัตถุดิบเอทานอล และไบโอดีเซล บี 100 ว่ามีเพียงพอกับความต้องการใช้หรือไม่ และควรดูแลราคาวัตถุดิบไม่ให้สูงเกินไป นอกจากนี้ จะต้องพิจารณาช่วงเวลาที่เหมาะสมในการยกเลิกการจำหน่ายน้ำมันทั้งสองชนิด