ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์ร่วงเทียบยูโร-เยน หลังสหรัฐเผย CPI เพิ่มน้อยเกินคาด

ข่าวต่างประเทศ Thursday June 18, 2009 07:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและเยน ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (17 มิ.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เดือนพ.ค.ที่ปรับตัวขึ้นน้อยเกินความคาดหมาย ซึ่งทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะตรึงอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำต่อไป

ค่าเงินดอลลาร์ดิ่งลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 95.660 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 96.370 เยนต่อดอลลาร์ และอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0864 ฟรังค์ต่อดอลลาร์ จากระดับ 1.0883 ฟรังค์ต่อดอลลาร์

ส่วนค่าเงินยูโรแข็งขึ้นแตะระดับ 1.3855 ดอลลาร์ต่อยูโร จากระดับ 1.3835 ดอลลาร์ต่อยูโร และเงินปอนด์อ่อนลงแตะระดับ 1.6286 ดอลลาร์ต่อปอนด์ จากระดับ 1.6395 ดอลลาร์ต่อปอนด์

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลงแตะระดับ 0.7887 ดอลลาร์สหรัฐต่อดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.7932 ดอลลาร์สหรัฐต่อดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนตัวลงแตะระดับ 0.6282 ดอลลาร์สหรัฐต่อดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.6284 ดอลลาร์สหรัฐต่อดอลลาร์นิวซีแลนด์

ดอลลาร์อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและเยน หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เดือนพ.ค.ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% และนับเป็นการปรับตัวขึ้นเดือนแรกในรอบ 3 เดือน ส่วนดัชนีซีพีไอพื้นฐานที่ไม่นับรวมราคาในหมวดพลังงานและอาหาร เพิ่มขึ้น 0.1% ซึ่งดัชนีซีพีไอที่ปรับตัวขึ้นน้อยเกินคาดทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า เงินเฟ้อที่ยังอ่อนแอเช่นนี้อาจทำให้เฟดยังตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ 0-0.25% ไปอีกระยะหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม เอพีระบุว่าดอลลาร์ดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับเงินปอนด์หลังจากมีรายงานว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ เสนอให้มีการยกเครื่องระบบการเงินของสหรัฐ โดยนายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลัง อีกทั้งสมาชิกสภาคองเกรส และเจ้าหน้าที่กำกับดูแล จะร่วมกับปธน.โอบามา ในการวางแผนปฏิรูปด้านกฏระเบียบแบบเบ็ดเสร็จให้ทันสมัย และเพื่อปกป้องความเป็นเอกภาพของระบบการเงิน อีกทั้งป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยกับวิกฤติตลาดทุนและวิกฤติธนาคารที่รุนแรง ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดประจำไตรมาสแรกปีนี้ หดตัวลงสู่ระดับ 1.015 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาสสี่ของปีพ.ศ.2544 โดยลดลง จาก 1.549 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาสสี่ของปีที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐจะมียอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัด 8.50 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ