เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และ โกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์ พร้อมธนาคารอื่นๆรวมเป็น 10 แห่ง ร่วมกันคืนเงิน 6.8 หมื่นล้านดอลลาร์ให้กับกระทรวงการคลังสหรัฐ
โดยเจพีมอร์แกน ธนาคารรายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐเมื่อพิจารณาจากเงินฝาก คืนเงิน 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ในขณะที่โกลด์แมน แซคส์ และ มอร์แกน สแตนลีย์ คืนเงินรายละ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากที่ทางธนาคารได้วางแผนระดมทุนกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ ในขณะที่หุ้นกลุ่มการเงินก็ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา หลังมีสัญญาณว่าวิกฤตสินเชื่อเริ่มบรรเทาเบาบางลงแล้ว
"สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งส่งผลให้เราใช้เงินคืนได้ในระยะเวลาสั้นๆ" เคลลี คิง ซีอีโอของ บีบีแอนด์ที คอร์ป ซึ่งคืนเงินไป 3.1 พันล้านดอลลาร์ กล่าว "ตอนนี้เราสามารถทุ่มเทให้กับการบริการลูกค้าได้แล้ว"
ในขณะเดียวกัน อเมริกัน เอ็กซ์เพรส บริษัทบัตรเครดิตรายใหญ่สุดของสหรัฐ ก็ทุ่มเงิน 3.39 พันล้านดอลลาร์เพื่อซื้อหุ้นบุริมสิทธิ์กลับคืนมา ภายใต้โครงการบรรเทาสินทรัพย์ที่มีปัญหา (Troubled Asset Relief Program หรือ TARP) ด้าน ยูเอส แบนคอร์ป ก็คืนเงินจำนวน 6.6 พันล้านดอลลาร์, แคปิตอล วัน ไฟแนนเชียล คอร์ป 3.57 พันล้านดอลลาร์, แบงค์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอน คอร์ป 3.04 พันล้านดอลลาร์, สเตท สตรีท คอร์ป 2 พันล้านดอลลาร์ และ นอร์ธเทิร์น ทรัสท์ คอร์ป 1.58 ล้านดอลลาร์
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า หุ้นเจพีมอร์แกน ลดลง 77 เซนต์ แตะ 32.87 ดอลลาร์ ณ เวลา 16.09 น.ตามเวลานิวยอร์ก ส่วนหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วง 4.43 ดอลลาร์ แตะ 139.73 ดอลลาร์, หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ลดลง 62 เซนต์ แตะ 27.48 ดอลลาร์, หุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ลบ 74 เซนต์ แตะ 23.95 ดอลลาร์ และหุ้นบีบีแอนด์ที ลดลง 65 เซนต์ แตะ 21.58 ดอลลาร์