เมอร์วิน คิง ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ กล่าวว่า ระบบธนาคารของอังกฤษอาจต้องการเงินทุนเพิ่มเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน พร้อมระบุด้วยว่า ยังเร็วเกินไปในตอนนี้ที่รัฐบาลจะเปลี่ยนแปลงนโยบายในการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านนโยบายการเงิน
คิงกล่าวในระหว่างงานเลี้ยงรับประทานอาหารค่ำที่แมนชั่น เฮาส์ ในกรุงลอนดอนว่า “อาจจำเป็นต้องใช้เงินทุนเพิ่มเติมอีกก่อนที่ระบบการธนาคารจะสามารถจัดหาสินเชื่อในระดับราคาและปริมาณที่มากพอจะนำไปสู่การฟื้นตัวอย่างยั่งยืน"
อังกฤษได้ตัดสินใจพิมพ์ธนบัตรมูลค่า 1.25 แสนล้านปอนด์ หรือ 2.04 แสนล้านดอลลาร์เพื่อนำไปใช้ในโครงการซื้อสินทรัพย์ อาทิ พันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้เอกชน โดยมีเป้าหมายเพื่อผ่อนคลายแรงกดดันต่อสภาพคล่องและเพิ่มอุปทานเงินในประเทศ
ผู้ว่าแบงก์ชาติอังกฤษกล่าวต่อไปว่า ทั้งนโยบายการเงินและการคลังจะต้องเปลี่ยนไปเมื่อเศรษฐกิจเริ่มกลับมามีเสถียรภาพ
"เมื่อถึงเวลาเหมาะสม คณะกรรมการนโยบายการเงินจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากปัจจุบันที่ระดับ 0.5% และค่อยๆหยุดซื้อสินทรัพย์ แต่ก็ต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับสภาพตลาด นอกจากนี้ ยังอาจจะต้องจัดทำแผนที่ชัดเจนเพื่อแสดงให้เห็นว่าจะลดการขาดดุลงบประมาณได้อย่างไรในการเลือกตั้งครั้งหน้า" ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์มองว่า การควบคุมค่าใช้จ่ายและการขึ้นภาษีเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าพรรคใดจะชนะการเลือกตั้งและเข้ามาบริหารประเทศ