นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจข้อมูลเศรษฐกิจภูมิภาคไตรมาส 2/52 และแนวโน้มปี 52 ซึ่งข้อมูลจากหอการค้าภูมิภาคเชื่อว่าเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวเป็นบวกตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีนี้ โดยเฉพาะเศรษฐกิจในภาคเหนือ ใต้ อีสาน และกลาง จะบวกได้ 1-2% ยกเว้นกรุงเทพฯ ที่จะฟื้นตัวช้ากว่าคือราวปีหน้า
เพราะแนวโน้มราคาสินค้าเกษตรจะเพิ่มขึ้น ตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกและราคาน้ำมัน ซึ่งช่วยเพิ่มกำลังบริโภคของเกษตรกร ประกอบกับผลดีจากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 ที่ลงไปยังโครงการถนนปลอดฝุ่น และสร้างระบบชลประทาน ซึ่งช่วยเพิ่มการขยายตัวเศรษฐกิจภูมิภาคได้
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP)ในปีนี้จะติดลบราว 3.5% ซึ่งมีโอกาสความเป็นไปได้มากสุดถึง 75% โดย GDP ไตรมาส 2/52 จะติดลบ 5.3% และพอจะมองเห็นแนวโน้มการฟื้นตัวที่เร็วขึ้นของเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง โดยไตรมาส 3/52 คาดว่าติดลบน้อยลงเหลือ 3.1% และกลับมาบวกได้ 1.6% ในไตรมาส 4/52
"โอกาสที่ GDP ปีนี้จะติดลบ 3.5% มีมากถึง 75% เพราะรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 ชัดเจน และสามารถนำพ.ร.ก.กู้เงินฯ ผ่านสภาได้ จะทำให้มีเม็ดเงินมากระตุ้นในไตรมาส 3 ช่วยบวกจีดีพีอีก 0.5%" นายธนวรรธน์ ระบุ
ขณะที่ปัญหาการว่างงานเบากว่าที่คาดว่าจะมีคนตกงานถึง 1.3-1.4 ล้านคน แต่ขณะนี้น่าจะเหลือไม่เกิน 1 ล้านคน ประกอบกับ วิกฤตเศรษฐกิจโลกเริ่มคลี่คลายช่วยให้การส่งออกและราคาสินค้าเกษตรปรับตัวดีขึ้น แต่ยังต้องจับตาการท่องเที่ยวต่อว่าจะฟื้นในปีนี้หรือไม่ หากทำได้ GDP ปีนี้น่าจะติดลบน้อยลงอีก
อย่างไรก็ดี หากการเบิกจ่ายงบกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 ของรัฐไม่เป็นไปตามแผน GDP อาจติดลบเพิ่มเป็นลบ 4.1% โดย GDPไตรมาส 2 อยู่ที่ลบ 5.3%, ไตรมาส 3 ลบ 4.4% และไตรมาส 4 บวก 0.7% แต่สมมติฐานนี้มีสิทธิเกิดขึ้นน้อยเพียงแค่ 25%
ส่วนราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นนั้นเชื่อว่าจะไม่กระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แม้การขึ้นราคาน้ำมันลิตรละ 1 บาทจะทำให้ประชาชนลดการใช้จ่ายลง 2,000 ล้านบาท รัฐบาลจะต้องบริหารไม่ให้ราคาน้ำมันพุ่งเร็วเกินระดับจิตวิทยา โดยไม่ให้น้ำมันแก๊สโซฮอล์เกินลิตรละ 30 บาท และเบนซินเกินลิตรละ 28 บาท ซึ่งรัฐควรใช้เงินกองทุนน้ำมันจ่ายชดเชยภาษีสรรพสามิตลิตรละ 2 บาทต่อไป จนถึงเดือน ต.ค.นี้
ด้านนายวชิร คูณทวีเทพ อาจารย์ประจำศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าวว่า การประเมินเศรษฐกิจรายภูมิภาคประจำไตรมาส 2/52 กระเตื้องขึ้นจากไตรมาสแรก เพราะการส่งออกดีขึ้น แต่ผลจากความวุ่นวายช่วงสงกรานต์ รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรก เช่น เช็คช่วยชาติกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ได้ผลทำให้ GDP ยังติดลบอยู่
ทั้งนี้ ภาคเหนือหดตัว 3.7% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหดตัว 4% ภาคใต้หดตัว 4.1% และภาคกลางหดตัวมากสุดถึง 7.1% ขณะที่กรุงเทพและปริมณฑลหดตัว 4.9% สำหรับสิ่งที่ต้องการให้รัฐบาลแก้ไขอย่างเร่งด่วนสุด คือ ปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ราคาสินค้าตกต่ำ เงินกู้แก่ธุรกิจ SMEs การจ้างงาน ความเชื่อมั่น และค่าครองชีพ รองลงมาคือ ให้รัฐเร่งสร้างเสถียรภาพการเมือง เพิ่มความสามัคคีในชาติ และลดการคอร์รัปชั่น