นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้ออกมาปกป้องข้อเสนอเรื่องการให้อำนาจธนาคารกลางสหรัฐ (FED) มากขึ้น หลังจากที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้เสนอให้มีการยกเครื่องกฎระเบียบด้านการเงินจนทำให้วุฒิสมาชิกออกมาตั้งคำถามถึงความผิดพลาดในด้านการกำกับดูแลสถาบันการเงินอดีต รวมทั้งความขัดแย้งที่อาจจะเกิดขึ้นในด้านนโยบายการเงิน
รมว.คลังสหรัฐกล่าวชี้แจงข้อสงสัยถึงประเด็นที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐสมควรที่จะได้รับอำนาจมากขึ้นหรือไม่ ต่อคณะกรรมการกิจการธนาคารของวุฒิสภาสหรัฐว่า ธนาคารกลางสหรัฐมีสถานะที่ดีที่สุดที่จะดูแลบริษัทการเงินทั้งหลาย และแผนการของโอบามาก็ให้อำนาจแก่เฟดเพิ่มเติมในระดับหนึ่งเท่านั้น ธนาคารกลางทั่วโลกส่วนใหญ่ยังคงมีหน้าที่ความรับผิดชอบในการติดตามสถานการณ์ความเสี่ยงอย่างเป็นระบบต่อไป
บลูมเบิร์กรายงานว่า แผนการยกเครื่องกฎระเบียบการเงินของโอบามานั้น ระบุให้เฟดติดตามสถานการณ์ของแบงค์ที่มีความเชื่อมโยงสูงในระดับสากล รวมถึงการจัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาดูแลผลิตภัณฑ์การเงินของผู้บริโภค และการนำเฮดจ์ฟันด์และบริษัทไพรเวท อิควิตี้ให้เข้ามาอยู่ภายใต้การดูแลของเฟดเป็นครั้งแรก หลังจากที่ผ่านมา เฟดต้องตกอยู่ภายใต้เสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นอันมากจากสมาชิกสภาคองเกรสในเรื่องการดำเนินงานที่เป็นความลับ และการดำเนินการที่ขาดความเชื่อถือจากประชาชน
คริสโตเฟอร์ ด็อดด์ ประธานคณะกรรมการธนาคารและริชาร์ด เชลบี สมาชิกอาวุโสจากพรรครีพับลิกัน ต่างแสดงความเป็นห่วงเรื่องระบบการทำงานของเฟด รวมถึงโครงสร้างของการกระจายอำนาจของธนาคารในระดับเขตว่าจะทำให้การดูแลบริษัทเอกชนรายใหญ่ๆไม่เป็นผล และยังได้หยิบเสียงวิจารณ์ที่ว่า การให้อำนาจแก่เฟดมากขึ้นนั้นก็เหมือนกับการให้รถที่สามารถวิ่งได้เร็วและมีขนาดใหญ่กว่าเดิมแก่ลูกชายที่เพิ่งจะเอารถของครอบครัวไปชนมา
รมว.คลังสหรัฐกล่าวว่า เฟดมีข้อมูลมากและรู้ความเป็นไปในตลาดในวงที่กว้างกว่าใครๆในระบบการเงินสหรัฐ ดังนั้นการให้อำนาจแก่หน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆจึงอาจจะไม่เป็นผล