นายวิทยา หวังจิตรารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ตลาดขายปลีกหน่วยธุรกิจน้ำมัน บมจ.ปตท.(PTT) เปิดเผยว่า จากสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดย World Bank ปรับเพิ่ม GDP ของจีนในปี 2552 จากเดิม 6.5% มาอยู่ที่ 7.2% และบริษัทน้ำมันแห่งชาติของเม็กซิโก PEMEX ปิดซ่อมบำรุงแหล่งผลิตน้ำมันซึ่งมีกำลังผลิต 40,000 บาร์เรล/วัน ในเดือน มิ.ย.52 ส่งผลให้ปริมาณผลิตน้ำมันดิบลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 6% มาอยู่ที่ระดับ 2.62 ล้านบาร์เรล/วัน ประกอบกับ International Enterprise Singapore(IES) รายงานปริมาณสำรองน้ำมันสำเร็จรูปกลุ่มดีเซลของสิงคโปร์ สัปดาห์สิ้นสุดในวันที่ 17 มิ.ย.52 ลดลง 1.23 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ระดับ 11.92 ล้านบาร์เรล และเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศไนจีเรีย โดยมีการก่อการร้าย Oil Facilities ต่อเนื่อง ล้วนส่งผลให้ราคาน้ำมันตลาดโลกโดยเฉพาะน้ำมันดีเซลหมุนเร็วปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลขึ้นมาอยู่ที่ 79.02 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติสูงสุดตั้งแต่ต้นปี
ดังนั้น ปตท.จำเป็นต้องปรับราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มดีเซล(น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว และน้ำมันไบโอดีเซล B5) ขึ้น 60 สตางค์/ลิตร ส่งผลให้น้ำมันขายปลีกในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตั้งแต่เวลา 05.00 น.ที่ผ่านมาเป็นดังนี้ ดีเซลหมุนเร็ว อยู่ที่ลิตรละ 27.39 บาท, ไบโอดีเซล(B5) อยู่ที่ลิตรละ 24.59 บาท ส่วนราคากลุ่มเบนซินยังคงเท่าเดิม คือ แก๊สโซฮอล์ E85 อยู่ที่ลิตรละ 19.62 บาท, แก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ลิตรละ 26.84 บาท, แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ลิตรละ 29.14 บาท, แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ลิตรละ 28.34 บาท และเบนซิน 91 อยู่ที่ลิตรละ 32.94 บาท
นายวิทยา กล่าวว่า สำหรับราคาน้ำมันในตลาดโลกวานนี้ น้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์นอกจากน้ำมันดีเซลแล้วต่างก็ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน โดยน้ำมันเบนซิน 95 อยู่ที่ 77.99 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบดูไบขึ้นมาอยู่ที่ 71.09 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้ยังคงต้องจับตาสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกอย่างใกล้ชิด เพราะยังมีปัจจัยทางจิตวิทยาที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันได้อีก