เงินเยนดีดตัวแข็งค่าขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 วันเมื่อเทียบกับเงินยูโร ขณะที่เงินดอลลาร์ปรับตัวสูงขึ้นท่ามกลางความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองในอิหร่านที่กำลังเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่เกิดการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและกลุ่มผู้ประท้วงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวกระตุ้นให้นักลงทุนต้องการถือครองสินทรัพย์ที่ปลอดความเสี่ยงมากขึ้น
เงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินหลักที่ซื้อขายกันในตลาด หลังจากมีรายงานว่ายอดผู้เสียชีวิตในอิหร่านเพิ่มขึ้นเป็น 17 ราย ขณะที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ควบคุมตัวสมาชิก 5 คนในครอบครัวของอดีตประธานาธิบดีอาลี อัคบาร์ ฮัสเชมิ ราฟซันจานิ ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงความแตกแยกทางการเมืองที่ขยายวงกว้างมากขึ้น
ด้านเงินดอลลาร์ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐและเงินเยน ขณะที่ตลาดหุ้นขยายตัวภายใต้กรอบที่จำกัด ซึ่งทำให้นักลงทุนลดสัดส่วนการถือครองสินทรัพย์ที่ให้อัตราผลตอบแทนสูง
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 12:03 น.ตามเวลาโตเกียว เงินเยนแข็งค่าขึ้นแตะที่ 133.44 ยูโร/เยน จากระดับ 134.18 ยูโร/เยนที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์นั้นเงินเยนแข็งค่าสู่ระดับ 95.93 ดอลลาร์/เยน จากระดับ 96.27 ดอลลาร์/เยน ส่วนเงินดอลลาร์ไต่ระดับขึ้นแตะที่ 1.3909 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับ 1.3937 ยูโร/ดอลลาร์
นอกจากนี้ เงินเยนแข็งค่าขึ้น 1.1% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ออสเตรเลียและไต่ระดับขึ้น 1% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์
เรียวเฮ มูระมัตสุ นักวิเคราะห์จากคอมเมิร์ซแบงก์ เอจีในกรุงโตเกียวกล่าวว่า "ขณะนี้มีความไม่แน่นอนว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอิหร่าน ซึ่งภาวะดังกล่าวทำให้เทรดเดอร์เลี่ยงการลงทุนที่มีความเสี่ยง และหันมาถือครองสินทรัพย์ในรูปสกุลเงินเยนแทน"
ทั้งนี้ โดยปกติแล้ว เงินเยนมักจะแข็งค่าในช่วงที่เกิดวิกฤตการเงิน เนื่องจากยอดเกินดุลการค้าของญี่ปุ่นได้ช่วยสร้างความดึงดูดใจของค่าเงินเพราะนั่นหมายความว่าญี่ปุ่นไม่จำเป็นต้องพึ่งแหล่งเงินกู้ต่างประเทศ ส่วนเงินดอลลาร์ก็ได้อานิสงส์จากการที่เป็นสกุลเงินหลักที่ใช้ในทุนสำรองเงินต่างประเทศของทั่วโลก