ศูนย์วิจัยกสิกรฯคาดเฟดคงดอกเบี้ยนโยบาย แม้ราคาน้ำมัน-สินค้าปรับสูงขึ้น

ข่าวเศรษฐกิจ Monday June 22, 2009 12:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ในวันที่ 23-24 มิ.ย.นี้ จะมีมติให้ยืนอัตราดอกเบี้ยนโยบาย Fed Funds ไว้ที่กรอบ 0.00-0.25% ตามเดิม และคาดว่า เฟดน่าจะยังระบุในแถลงการณ์ว่าจะยังคงเดินหน้านโยบายเชิงปริมาณในตลาดสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง แม้จะเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวดีขึ้นของเครื่องชี้เศรษฐกิจในบางภาคส่วน แต่การฟื้นตัวก็ยังคงมีความเปราะบาง และยังไม่ได้กระจายไปอย่างทั่วถึงและครอบคลุมทุกภาคส่วน ซึ่งคงจะต้องอาศัยเวลาอีกนานพอสมควรกว่าที่จะมั่นใจได้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ เพื่อลดกระแสการคาดการณ์ต่อภาวะเงินเฟ้อและแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย คาดว่า เฟดคงจะระบุในแถลงการณ์ด้วยว่า แม้ราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกอาจมีแนวโน้มขยับขึ้น แต่ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อยังอยู่ภายใต้การจัดการ และเฟดจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อให้พร้อมดูแลความเสี่ยงทั้งด้านเศรษฐกิจและเงินเฟ้อได้อย่างเหมาะสมต่อไป

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า จากการคาดการณ์ถึงภาวะเงินเฟ้อและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่เกิดขึ้นในจังหวะเวลาที่เร็วเกินไป อาจเป็นการซ้ำเติมหรือทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐต้องล่าช้าออกไปอีก และแม้ว่าผลการประชุมนโยบายและแถลงการณ์ของเฟดน่าที่จะเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แต่การปรับตัวของตลาดเงินและตลาดทุนนับจากนี้คงจะขึ้นอยู่กับข่าวดีและร้ายเกี่ยวกับการปรับตัวของเครื่องชี้เศรษฐกิจสหรัฐ รวมถึงทิศทางของราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก

โดยหากเครื่องชี้เศรษฐกิจที่จะทยอยรายงานออกมายังคงสามารถรักษาโมเมนตัมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง ตลาดการเงิน โดยเฉพาะตลาดพันธบัตรสหรัฐก็คงจะปรับตัวไปในทิศทางที่สะท้อนถึงการคาดการณ์ต่อภาวะเงินเฟ้อและการถอยออกจากนโยบายการเงินผ่อนคลายของเฟดในระยะที่เร็วขึ้น แต่หากมีข่าวร้ายหรือการรายงานเครื่องชี้เศรษฐกิจที่หดตัวลงไปอีกเกิดขึ้น ตลาดก็คงจะเลื่อนการคาดการณ์ต่อภาวะเงินเฟ้อและแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดออกไปจากเดิม ซึ่งจะมีผลให้ทิศทางตลาดเงินและตลาดทุนโลก ทั้งอัตราแลกเปลี่ยน ตลาดหุ้น ตลาดพันธบัตร และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ คงจะยังมีแนวโน้มปรับตัวผันผวนอย่างต่อเนื่องในระยะข้างหน้า และส่งผลให้ตลาดการเงินไทยคงจะประสบกับภาวะผันผวนอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยง

ทั้งนี้ ผู้ลงทุนจึงควรระมัดระวังและมีการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดอย่างสม่ำเสมอ และคงยังต้องติดตามการตอบรับต่อการเสนอขายพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งของกระทรวงการคลังช่วงกลางเดือน ก.ค.นี้ รวมถึงแผนการกู้เงินของรัฐบาลที่จะมีผลต่อสภาพคล่อง และการคาดการณ์ถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินไทยในระยะถัดไปด้วยเช่นกัน สะท้อนได้จากการที่ธนาคารพาณิชย์เริ่มจะมีการล็อคเงินทุนด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำระยะยาวบางประเภทและการออกผลิตภัณฑ์เงินออมผ่านโครงการต่างๆ บ้างแล้ว แม้ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) น่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.25% เพื่อช่วยประคับประคองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจก็ตาม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ