นายวิกรม บัณฑิต ซีอีโอซิตี้กรุ๊ป อิงค์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่สุดเมื่อพิจารณาจากรายได้ จะสามารถเก็บเกี่ยวเกี่ยวรายได้กว่าครึ่งหนึ่งจากกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ พร้อมกล่าวว่า ซิตี้กรุ๊ปจะรุกขยายตัวฐานธุรกิจในต่างประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในช่วงที่เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลง หลังจากซิตี้กรุ๊ปขาดทุนเป็นวงเงินสูงถึง 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว
"เมื่อพิจารณาจากภาพรวม ผมเชื่อว่ากิจการของซิตี้กรุ๊ปจะสามารถทำกำไรได้กว่าครึ่งหนึ่งในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ เราจะก้าวขึ้นเป็นสถาบันการเงินรายใหญ่ในตลาดเกิดใหม่เพียงรายเดียว และอาจก้าวขึ้นเป็นสถาบันการเงินรายใหญ่สุดในระดับโลกเพียงรายเดียวในวันข้างหน้า" บัณฑิตกล่าวกับผู้สื่อข่าวที่เมืองเซา เปาโล ประเทศบราซิล
บัณฑิต วัย 52 ปี ได้รุกปรับโครงสร้างองค์กรซิตี้กรุ๊ปตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและกระตุ้นซิตี้กรุ๊ปให้กลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง โดยเมื่อปีที่แล้ว ซิตี้กรุ๊ปทำรายได้โดยรวม 5.98 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งประกอบไปด้วยรายได้จากสาขาธนาคาร ธุรกิจเทรดดิ้ง วาณิชธนกิจ และธุรกิจรับชำระค่าบริการ แต่ซิตี้กรุ๊ปก็ขาดทุนเป็นวงเงินสูงถึง 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว
"ธุรกิจบัตรเครดิตและธุรกิจปล่อยกู้ซื้อบ้านของซิตี้กรุ๊ปในสหรัฐยังคงซบเซา ดังนั้นเราจึงต้องมองหาทางออกด้านอื่นๆที่จะผลักดันให้กิจการซิตี้กรุ๊ปสามารถฟันฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจไปได้ และกระตุ้นรายได้ของซิตี้กรุ๊ปให้ครอบคลุมตัวเลขการใช้จ่ายที่จำเป็น" ซีอีโอซิตี้กรุ๊ปกล่าว
"เราวางแผนไว้แล้วว่าจะต้องรุกกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ โดยจะเน้นที่ตลาดบราซิล เราตั้งเป้าว่าจะให้ธุรกิจซิตี้กรุ๊ปในบราซิลขยายตัวอย่างต่อเนื่องเพราะผู้บริโภคชาวบราซิลมีรายได้สูงขึ้น และภาคการผลิตในบราซิลก็รุกเข้าไปตั้งรากฐานในประเทศต่างๆอย่างเฟื่องฟู" บัณฑิตกล่าว
ก่อนหน้านี้ บัณฑิตกล่าวในที่ประชุมนักธุรกิจที่เมืองดีทรอยท์ว่า ซิตี้กรุ๊ปกำลังมุ่งเน้นไปที่ตลาดต่างประเทศ หลังจากที่พึ่งพาตลาดสหรัฐมากเกินไป จนเมื่อเกิดวิกฤตการณ์การเงินรุนแรงในสหรัฐทำให้กิจการของซิตี้กรุ๊ปผันผวนอย่างหนัก บลูมเบิร์กรายงาน