นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบกรอบแนวทางการเจรจาการค้าระหว่างประเทศของไทยในช่วง 5 ปี ตั้งแต่ปี 52-56 ไว้ 3 ระดับ ทั้งในระดับภูมิภาค, ระดับทวิภาคี และระดับพหุภาคี
โดยระดับภูมิภาค จะให้ความสำคัญกับการเจรจาร่วมกับอาเซียนเป็นลำดับแรก
ระดับทวิภาคี ได้จัดลำดับความสำคัญไว้ 3 กลุ่ม คือ กลุ่มแรกให้เจรจากับประเทศใหม่ที่มีศักยภาพ เพื่อที่จะเป็นคู่ค้า แหล่งทุน วัตถุดิบ และเทคโนโลยี ได้แก่ กลุ่มประเทศมนตรีความมั่นคงอ่าวอาหรับ(GCC) และชิลี, กลุ่มที่ 2 กลุ่มประเทศที่ค้างการเจรจาอยู่ ได้แก่ BIMSTEC, อินเดีย, เปรู, EFTA, ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ กลุ่มที่ 3 คือ กลุ่มประเทศที่มีศักยภาพแต่ยังไม่เหมาะจะเจรจาเปิดเสรีการค้า(FTA) โดยให้ปรับรูปแบบความร่วมมือทางการค้า ได้แก่ รัสเซีย และแอฟริกาใต้
ส่วนระดับพหุพาคีให้เร่งรัดผลักดันให้มีการเจรจารอบโดฮาให้สำเร็จโดยเร็ว และเพิ่มความสนใจ และติดตามตรวจสอบไม่ให้มีการใช้มาตรการกีดกันทางการค้า
ทั้งนี้ นายเกียรติ สิทธีอมร ผู้แทนการค้าไทย(TTR) ได้ให้ข้อสังเกตว่าสิ่งสำคัญที่ไทยต้องดำเนินการ คือ การเตรียมความพร้อมเรื่องที่ปรึกษาเกี่ยวกับกฎหมายการตอบโต้การทุ่มตลาดที่ประเทศในยุโรปและอเมริกามักใช้มากในการตอบโต้ทางการค้า เพราะหากไม่เตรียมการไว้อาจจะมีปัญหากระทบต่อการส่งออกของไทยได้