ผลสำรวจของสมาคมตลาดการเงินและอุตสาหกรรมหลักทรัพย์แห่งสหรัฐ (SIFMA) ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะเริ่มขยายตัวในไตรมาสที่ 3 ปีนี้ เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐจะเริ่มเห็นผลและภาวะตึงตัวด้านสินเชื่อจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว
"หลังจากเศรษฐกิจสหรัฐหดตัวลงถึง 2% ต่อปี ในไตรมาสที่ 2 เศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นอีกครั้งราว 0.8% ในไตรมาสที่ 3 และคาดว่าจะขยายตัวขึ้นอีก 1.9% ในไตรมาสที่ 4 อย่างไรก็ตาม คาดว่าตลอดปีพ.ศ.2552 เศรษฐกิจโดยรวมจะหดตัว 2.7% และจะกลับมาขยายตัวได้อีกครั้งที่ 2.1% ในปีหน้า" SIFM กล่าวในแถลงการณ์
ไคลน์ แบรนดอน กรรมการผู้จัดการฝ่ายวิจัยของ SIFM กล่าวว่า "เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มดีขึ้น และได้ผ่านภาวะล้มสลายทางการเงินและภาวะตึงตัวด้านสินเชื่อที่วิกฤตที่สุดไปแล้ว เราจึงเชื่อว่าเศรษฐกิจจะเริ่มลอยลำสู่ช่วงขาขึ้น เนื่องจากรัฐบาลและธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ผ่าทางตันด้วยการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไปแล้วหลายครั้ง รวมถึงการลดดอกเบี้ยจนถึงระดับต่ำสุดและอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ"
ทั้งนี้ SIFM ยอมรับว่ามีความกังวลทั้งเรื่องเงินเฟ้อและเงินฝืด รวมทั้งภาวะที่ราคาสินค้าร่วงลงอย่างฉับพลันที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจได้ อย่างไรก็ตาม SIFM เชื่อว่าสหรัฐจะยังไม่เผชิญกับภาวะเงินเฟ้อในระยะใกล้นี้ โดย SIFM คาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จะปรับตัวขึ้น 1.5% ในปีหน้า หลังจากดิ่งลง 0.6% ในปีนี้ และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐานที่ไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 1.2% ในปีหน้า
อย่างไรก็ตาม SIFM คาดว่าเศรษฐกิจจะไม่ขยายตัวรวดเร็วพอที่จะสกัดกั้นอัตราว่างงานที่จะพุ่งขึ้นจนถึงปีหน้าได้ โดยผลสำรวจบ่งชี้ว่าอัตราว่างงานในสหรัฐจะพุ่งขึ้นแตะระดับเฉลี่ยที่ 9.8% ในหน้า เพิ่มขึ้นจากระดับ 9.3% ในปีนี้ บลูมเบิร์กรายงาน