ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์พุ่งเทียบสกุลเงินหลักๆ หลัง FED มีมติคงดอกเบี้ย

ข่าวต่างประเทศ Thursday June 25, 2009 07:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (24 มิ.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมระบุว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยกำลังทุเลาลง และตัวเลขเงินเฟ้อยังคงอ่อนตัวลง

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.34% แตะที่ 95.530 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 95.210 เยน/ดอลลาร์ และพุ่งขึ้น 2.87% แตะที่ 1.0973 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0667 ฟรังค์/ดอลลาร์

ค่าเงินยูโรดิ่งลง 1% แตะที่ 1.3936 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันอังคารที่ 1.4077 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินปอนด์ลดลง 0.14% แตะที่ 1.6430 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.6453 ดอลลาร์/ปอนด์

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.28% แตะที่ 0.7962 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.7940 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนตัวลง 0.08% แตะที่ 0.6392 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.6387 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์

มาร์ค แชนด์เลอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Brown Brothers Harriman กล่าวกับสำนักข่าวเอพีว่า ดอลลาร์ได้รับแรงหนุนหลังจากเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ 0-0.25% โดยระบุว่าการหดตัวของเศรษฐกิจกำลังทุเลาลง ขณะที่สภาวะในตลาดการเงินก็เริ่มฟื้นตัวขึ้น ส่วนตัวเลขการใช้จ่ายภาคครัวเรือนยังคงมีเสถียรภาพอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ภาคเอกชนได้เพิ่มปริมาณสต็อกสินค้าเนื่องจากมียอดขายที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ เฟดยังคงเห็นชอบให้ดำเนินนโยบายฟื้นฟูตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดปล่อยกู้เพื่อการซื้อบ้านต่อไป อีกทั้งจะยังคงนโยบายกระตุ้นการไหลเวียนสภาพคล่องในตลาดสินเชื่อต่อไปด้วย โดยเฟดจะใช้มาตการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ครอบคลุมถึงการเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ และเพิ่มการรับซื้อตราสารที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยรองรับ (MBS) อีก 7.50 แสนล้านดอลลาร์

ความเคลื่อนไหวของเฟดมีขึ้นหลังจากมีข่าวว่าธนาคารกลางสวิสเข้าแทรกแซงตลาดด้วยการเทขายสกุลเงินฟรังค์และเข้าซื้อดอลลาร์สหรัฐและยูโร อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางสวิสปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานข่าวดังกล่าว

ผลสำรวจของสมาคมตลาดการเงินและอุตสาหกรรมหลักทรัพย์แห่งสหรัฐ (SIFMA) ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะเริ่มขยายตัวในไตรมาสที่ 3 ปีนี้ เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐจะเริ่มเห็นผลและภาวะตึงตัวด้านสินเชื่อจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว ไคลน์ แบรนดอน กรรมการผู้จัดการฝ่ายวิจัยของ SIFM กล่าวว่า "เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มดีขึ้น และได้ผ่านภาวะล้มสลายทางการเงินและภาวะตึงตัวด้านสินเชื่อที่วิกฤตที่สุดไปแล้ว เราจึงเชื่อว่าเศรษฐกิจจะเริ่มลอยลำสู่ช่วงขาขึ้น เนื่องจากรัฐบาลและธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ผ่าทางตันด้วยการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไปแล้วหลายครั้ง รวมถึงการลดดอกเบี้ยจนถึงระดับต่ำสุดและอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ"

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพุ่งขึ้น 1.8% ในเดือนพ.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลง 0.9% อย่างไรก็ตาม ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ค.ลดลง 0.6% ซึ่งตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ