คลังปรับแผนก่อหนี้ปี 52 เหลือ 1.375 แสนลบ.หลังลดงบลงทุนรสก.ที่ไม่จำเป็น

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday June 25, 2009 17:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวว่า คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะได้ปรับแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 52 ใหม่ เนื่องจากความจำเป็นที่ต้องใช้เงินกู้น้อยลง หลังจากรัฐบาลกู้เงินมาใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่และลดวงเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจบางแห่งลง ส่งผลให้วงเงินก่อหนี้รวมปรับลดจาก 1.396 ล้านล้านบาท มาเป็น 1.375 ล้านล้านบาท โดยจะนำเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งในสัปดาห์หน้า(30 มิ.ย.)

สำหรับวงเงินบริหารหนี้สาธารณะดังกล่าว ได้รวมแผนการกู้ยืมเงินในไตรมาส 4 ของปีงบประมาณ 52 จำนวน 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งอยู่ภายใต้ พ.ร.ก.การให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาทไว้แล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่ได้สรุปว่าการกู้ยืมเงิน 1.5 แสนล้านบาทดังกล่าวจะมาจากส่วนใดบ้าง แต่คาดว่าจะมีทั้งการออกพันธบัตรและการกู้ยืมจากสถาบันการเงินโดยตรง

ส่วนแผนการบริหารหนี้สาธารณะปีงบประมาณ 2553 นั้น รมว.คลัง คาดว่า จะมีเพดานการก่อหนี้ในระดับใกล้เคียงกันกับปีงบประมาณ 52 เนื่องจากมีส่วนของการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุล 3.5 แสนล้านบาท รวมกับการกู้เงินตาม พ.ร.ก.อีก 2 แสนล้านบาท รวมเป็นการกู้โดยตรง 5.5 แสนล้านบาท และนับเป็นประวัติการณ์ที่รัฐจะกู้สูงสุดถึง 9.5 แสนล้านบาท

"การบริหารหนี้ภาครัฐซึ่งมีทั้งการบริหารเงินคงคลัง การกู้เงินตามแผนไทยเข้มแข็งฯ การบริหารหนี้รัฐวิสาหกิจ และการออกพันธบัตรขายให้ประชาชนต้องดูแลให้เหมาะสม ได้ให้ สบน.เตรียมพร้อมรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นด้วย โดยเฉพาะความเสี่ยงจากการที่เงินขาดมือ จึงต้องมี พ.ร.ก.และ พ.ร.บ.กู้เงิน 8 แสนล้านบาทเป็นเครื่องมือเพื่อให้การบริหารหนี้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น" รมว.คลังกล่าว

ด้านนายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการฯ มีมติเห็นชอบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 52 โดยปรับปรุงแผนฯ ในส่วนของการบริหารและจัดการเงินกู้ในประเทศของรัฐบาล โดยปรับลดวงเงินการบริหารหนี้ของรัฐบาลเป็นหลัก เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดการเงินที่ไม่เอื้ออำนวยในขณะนี้

รวมทั้งการบริหารและจัดการเงินกู้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจ โดยได้ปรับลดวงเงินกู้ของรัฐวิสาหกิจเพื่อดำเนินโครงการลงทุนและเพื่อเสริมสภาพคล่องในการดำเนินงานให้สอดคล้องกับความก้าวหน้าของการดำเนินงานตามแผนการลงทุน

นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ ได้เห็นชอบให้ปรับเพิ่มวงเงินกู้ของรัฐบาลตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจการกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 เพื่อนำไปสมทบเงินคงคลังและลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 และปรับเพิ่มวงเงินการบริหารหนี้ต่างประเทศของรัฐบาล

ทั้งนี้ การปรับปรุงแผนดังกล่าวทำให้วงเงินรวมของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2552 มีวงเงินรวมลดลง21,347 ล้านบาท มาที่ 1,375,535 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นแผนดำเนินการ 6 แผนย่อย

1.การบริหารและจัดการเงินกู้ในประเทศของรัฐบาลอยู่ที่ 658,060 ล้านบาท จากเดิม 697,619 ล้านบาท 2.การบริหารและจัดการเงินกู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้ FIDF มาอยู่ที่ 105,191 ล้านบาท จากเดิม 208,191 ล้านบาท 3.การกู้เงินตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ 150,000 ล้านบาท 4.การบริหารและจัดการเงินกู้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจ มาอยู่ที่ 295,487 ล้านบาท จากเดิม 325,719 ล้านบาท 5.การก่อหนี้จากต่างประเทศ เท่าเดิมที่ 114,563 ล้านบาท และ 6. การบริหารหนี้ต่างประเทศ มาอยู่ที่ 52,234 ล้านบาท จากเดิม 50,791 ล้านบาท

ผู้อำนวยการ สบน. คาดว่า ผลจากการดำเนินการตามแผนฯ จะทำให้ระดับหนี้สาธารณะต่อ GDP ณ สิ้นปีงบประมาณเพิ่มขึ้นเป็น47.25% และภาระหนี้ต่องบประมาณอยู่ที่ระดับ 10.20% ซึ่งยังคงอยู่ภายใต้กรอบความยั่งยืนทางการคลังที่กำหนด คือ หนี้สาธารณะต่อ GDP ไม่เกิน 50% และภาระหนี้ต่องบประมาณไม่เกิน 15%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ