เศรษฐกิจนิวซีแลนด์หดตัวเป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกัน หลังผู้บริโภคและผู้ประกอบธุรกิจลดการใช้จ่ายลง ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งรุนแรงสุดในรอบกว่า 30 ปี ยืดเยื้อยาวนานกว่าเดิม
โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติของนิวซีแลนด์รายงานว่า จีดีพีของนิวซีแลนด์หดตัวลง 1% ในช่วงไตรมาสซึ่งสิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่ามากสุดในรอบ 18 ปี และมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะหดตัวเพียง 0.7%
เศรษฐกิจนิวซีแลนด์เริ่มหดตัวเมื่อช่วงไตรมาสแรกของปีที่แล้ว และกว่าจะฟื้นตัวคงต้องรอจนถึงช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกและการลงทุน ส่งผลให้ อลัน บอลลาร์ด ผู้ว่าการธนาคารกลางนิวซีแลนด์ อาจตัดสินใจตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์จนกว่าจะถึงปลายปีหน้าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ซื้อขายที่ระดับ 64.44 เซนต์สหรัฐต่อดอลลาร์นิวซีแลนด์ ณ เวลา 12.35 น.ตามเวลาเวลลิงตัน จาก 64.55 เซนต์สหรัฐต่อดอลลาร์นิวซีแลนด์ หลังจากที่แข็งค่ากว่า 12% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งนายกรัฐมนตรีจอห์น คีย์ กล่าวว่าเป็นผลเสียต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เนื่องจากสกุลเงินที่แข็งค่าจะทำให้รายได้จากการส่งออกลดลง