ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ยอมรับภาคเอกชนมีความกังวลใจกรณีที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) นัดชุมนุมที่สนามหลวง วันที่ 27 มิ.ย.นี้ เพราะหากเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้นอีกจะยิ่งซ้ำเติมให้เศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลงไปอีก พร้อมแนะรัฐบาลให้ความช่วยเหลือพนักงานรัฐวิสาหกิจที่มีรายได้น้อย แต่กำหนดกรอบให้ชัดเจน
"หากเกิดความวุ่นวายทางการเมืองขึ้นอีกจะยิ่งกระทบเศรษฐกิจของประเทศ และซ้ำเติมภาคธุรกิจที่ประสบปัญหาด้านการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ การส่งออก และการท่องเที่ยวอยู่แล้ว" นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธาน ส.อ.ท.กล่าว
ประธาน ส.อ.ท.กล่าวว่า ขณะนี้เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจโลก ทั้งการจ้างงาน การลงทุน และความเชื่อมั่นที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับรัฐบาลจะสามารถนำงบกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 หลัง พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาทผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา รวมทั้งการออกพันธบัตรออมทรัพย์วงเงิน 5 หมื่นล้านบาทในเดือน ก.ค.นี้ จะทำให้มีเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจและทำให้ประชาชนใช้จ่ายมากขึ้น
"ภาคเอกชนยังมีความสบายใจว่าจะไม่เกิดปัญหาความรุนแรง เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมออกมายืนยันว่าจะไม่ใช้แผนพระเจ้าตาก(แผนตากสิน 2)ในการเคลื่อนไหวชุมนุมกดดันรัฐบาล" นายสันติ กล่าว
สำหรับกรณีรัฐวิสาหกิจออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลปรับเพิ่มค่าครองชีพอีก 2 พันบาทต่อคนต่อเดือน นายสันติ กล่าวว่า หากเป็นรัฐวิสาหกิจที่สามารถหารายได้และมีกำไร ผู้บริหารก็สามารถตัดสินใจให้ความช่วยเหลือพนักงานได้ แต่รัฐวิสาหกิจใดที่ยังประสบปัญหาการขาดทุน รัฐบาลก็ต้องพิจารณาว่าสมควรจ่ายค่าครองชีพให้หรือไม่ ซึ่งส่วนตัว มองว่า หากพนักงานคนใดที่มีรายได้น้อย รัฐบาลก็ควรให้ความช่วยเหลือ แต่จะต้องกำหนดกรอบการช่วยเหลือให้ชัดเจน