กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคประจำเดือนพ.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ ขณะที่อัตราการออมส่วนบุคคลพุ่งขึ้นแตะระดับ 6.9% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี และรายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 1.4% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.3%
จอห์น เฮอร์มานน์ ประธานบริษัท เฮอร์มานน์ ฟอร์คาสติ้ง ในรัฐนิวเจอร์ซี กล่าวกับบลูมเบิร์กว่า รัฐบาลสหรัฐพยายามฟื้นฟูตลาดสินเชื่อและกระตุ้นการใช้จ่ายผู้บริโภค แม้ตัวเลขว่างงานในสหรัฐพุ่งขึ้นรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1980 ก็ตาม ความพยายามดังกล่าวทำให้ผู้บริโภคเริ่มมีความเชื่อมั่นและพยายามดำเนินชีวิตตามปกติ ด้วยการเริ่มนำเงินออกมาจับจ่ายใช้สอย
นักวิเคราะห์มองว่าอัตราการออมส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้นเป็นผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาว แต่อาจทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าหากผู้บริโภคมีการออมมากกว่าการใช้จ่าย ก็อาจขัดขวางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้ นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐจะเริ่มขยายตัวขึ้นอีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่สหรัฐเริ่มเผชิญตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีพ.ศ.2550 นั้น ได้สิ้นสุดลงแล้ว
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจีดีพีขั้นสุดท้ายในไตรมาสแรกปีนี้ของสหรัฐหดตัวลง 5.5% ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะหดตัว 5.7% และน้อยกว่าไตรมาส 4 ปีที่แล้วที่หดตัวรุนแรงถึง 6.3%