นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวสุนทรพจน์ต่อชมรมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศจีน ในระหว่างการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นวันที่ 3 โดยเน้นถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาของไทยเพื่อเป็นการรักษากำลังซื้อในประเทศ และป้องกันผลกระทบจากภายนอก ซึ่งขณะนี้กำลังเข้าสู่แผนพัฒนากระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่ 2 เน้นการพัฒนาประเทศเพื่อความสามารถในการแข่งขัน และที่ต้องการพัฒนาคือ โครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงต่อยอดทางเศรษฐกิจด้วย เพื่อรองรับเศรษฐกิจที่จะดีขึ้นในอนาคต โดยมั่นใจว่าจะทำให้ตัวเลขของเศรษฐกิจไทยเป็น +2 ภายในปีหน้า จากเดิมที่ติดลบอยู่ 7.1
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังเน้นย้ำถึงความพร้อมของประเทศไทย ในการจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาที่กำหนดจะจัดในเดือนตุลาคมนี้ ที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อเป็นการผลักดันให้กฎบัตรอาเซียนบรรลุผล โดยยืนยันว่าไทยจะมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ความเข้มงวด
สำหรับสถานการณ์ภายในประเทศยืนยันว่า รัฐบาลต้องการเห็นความสมานฉันท์ แต่ยอมรับว่าต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหา เนื่องจากเป็นปัญหาที่สะสมมานาน 2-3 ปี อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังคงมีบทบาทสำคัญต่อการเมืองไทย แต่ไม่กังวลต่อการเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ก็จะเคารพตามหลักการ แต่ขณะนี้ในฐานะรัฐบาล จะทำหน้าที่ให้เต็มที่เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด
ทั้งนี้ ภารกิจวันสุดท้ายของนายกรัฐมนตรี เป็นการโรดโชว์เพื่อการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวและสินค้าเกษตรของไทยที่นครกวางโจว โดยในช่วงเช้า นายกรัฐมนตรีจะเยี่ยมชมผลไม้และสนทนากับผู้บริหารผู้บริหารตลาด จากนั้นจะเป็นการกล่าวสุนทรพจน์ในงาน Amazing Thailand Amazing Value จากนั้นจะเปิดโอกาสให้นายรุ่งเดช หลิว อนุกรรมาธิการต่างประเทศสภาผู้แทนราษฎร และนักธุรกิจหญิง 20 บริษัทในนครกวางโจวเข้าพบ และเปิดโอกาสให้นายวาง หยาง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ มณฑลกวางตุ้ง และนายหวง หัว หัว ผู้ว่าการมณฑลกวางตุ้ง พลตรี หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล ผู้นำบริหารโครงการหมู่บ้านสันติภาพโลก และผู้แทนบริษัทหัวเหว่ยเข้าเยี่ยมคารวะ จากนั้นจะเดินทางกลับประเทศไทยด้วยเที่ยวบิน TG 8805 ซึ่งจะเดินทางถึงประเทศไทยเวลา 18.30 น.ตามเวลาของประเทศไทย