อัตราว่างงานของญี่ปุ่นประจำเดือนพ.ค.พุ่งสูงสุดในรอบ 5 ปี ท่ามกลางแนวโน้มตลาดแรงงานที่เริ่มทวีความตึงเครียดอย่างหนัก ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นเผชิญอุปสรรคในการเอาตัวรอดจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งรุนแรงที่สุดหลังยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะที่กลุ่มองค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) คาดว่า อัตราว่างงานในญี่ปุ่นพุ่งแตะ 5.8% ในปีหน้า
สำนักงานสถิติญี่ปุ่นระบุว่า อัตราว่างงานปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะที่ 5.2% จากระดับ 5% ในเดือนเม.ย. สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยสัดส่วนผู้ได้ตำแหน่งงานจากบรรดาผู้ยื่นใบสมัครงานลดลงสู่ระดับ 0.44% ทำสถิติต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2506 ขณะที่จำนวนการลงประกาศรับสมัครงานเมื่อเดือนที่แล้วลดลงไป 46.5%
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการใช้จ่ายภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 15 เดือน เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีทาโร่ อาโสะได้ช่วยกระตุ้นบรรยากาศการใช้จ่าย ขณะที่รายงานตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อวานนี้แสดงให้เห็นว่า ผู้ผลิตมีแผนลดอัตราการผลิตในช่วงหลายเดือนต่อจากนี้ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวบั่นทอนความหวังที่ว่าผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจะกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศ
ยาซูกาซุ ชิมิซุ นักวิเคราะห์จากบล.มิซูโฮ ซีเคียวริตี้ โคในกรุงโตเกียวกล่าวกับบลูมเบิร์กว่า "เศรษฐกิจยังคงทรงตัวในระดับต่ำแม้ว่าเราจะพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วก็ตาม ขณะเดียวกัน บริษัทต่างๆยังหาทางปรับลดต้นทุน ซึ่งทำให้ภาคครัวเรือนต้องเตือนตัวเองไว้ว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะมองเศรษฐกิจในแง่บวกมากเกินไป"
นอกจากนี้ การใช้จ่ายส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 0.3% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า จะลดลง 1.5% จากอานิสงส์ของการที่รัฐบาลใช้นโยบายจ่ายเงินช่วยเหลือให้ภาคครัวเรือน รวมถึงลดหย่อนภาษีสำหรับการซื้อรถยนต์ประหยัดพลังงาน และเพิ่มเงินอุดหนุนให้กับผู้ซื้ออุปกรณ์ไฟฟ้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งทำให้ยอดขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้น 18% นับตั้งแต่มีการประกาศใช้นโยบายดังกล่าว แต่ยอดค้าปลีกกลับปรับตัวลดลง 2.8% ในเดือนพ.ค. จากปีก่อน ซึ่งเป็นสถิติที่ลดลงเป็นเดือนที่ 9
จุน ไซโต้ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากสำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า "แรงกดดันในการปรับลดการจ้างงานมีอยู่สูงมาก" นอกจากนี้ อุปสงค์ทั่วโลกที่อ่อนแอยังทำไม่อาจสร้างความแข็งแกร่งให้ภาคการส่งออกได้มากพอสำหรับบดบังภาวะตลาดแรงงานที่เลวร้ายในขณะนี้
ทั้งนี้ ณ เวลา 08:46 น.ตามเวลาโตเกียว เงินเยนเทรดที่ระดับ 96.14 ต่อดอลลาร์ จากระดับ 96.19 ต่อดอลลาร์ก่อนช่วงที่มีการเปิดเผยรายงานดังกล่าว ขณะที่ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวทะยานขึ้น 21% นับตั้งแต่สิ้นเดือนมี.ค.