สกุลเงินเอเชียแข็งค่ามากสุดในรายไตรมาสนับตั้งแต่ปี 2547 โดยการนำของเงินรูเปียห์อินโดนีเซียและเงินวอนเกาหลีใต้ หลังภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยมีแนวโน้มคลี่คลายตัวลง ส่งผลให้นักลงทุนต้องการลงทุนในสินทรัพย์ของตลาดเกิดใหม่
โดยเงินรูเปียห์แข็งค่าขึ้นหลังมีกระแสคาดการณ์ว่า ประธานาธิบดีซูซิโล บัมบัง ยุดโดห์โยโน จะชนะการเลือกตั้งซ่อมในเดือนหน้าและจะประกาศใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ในขณะที่เงินวอนแข็งค่าหลังดัชนี Kospi รายไตรมาสปรับตัวสูงขึ้นมากสุดในรอบ 2 ปี
"เศรษฐกิจเกือบทุกประเทศในเอเชียกำลังฟื้นตัวซึ่งเป็นผลดีอย่างมากต่อตลาด" โหยว ชิน เตียง จาก OSK Investmnent Bank Bhd. ในกัวลาลัมเปอร์ กล่าว
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เงินรูเปียห์แข็งค่า 0.6% แตะ 10,210 รูเปียห์ต่อดอลลาร์ ณ เวลา 9.00 น.ตามเวลาจาการ์ตา หรือแข็งค่า 14.6% ในรายไตรมาส ส่วนเงินวอนแข็งค่า 0.5% แตะ 1,279.60 วอนต่อดอลลาร์ หรือแข็งค่า 8.1% ในรายไตรมาส ด้านเงินริงกิตแข็งค่า 3.5% ในรายไตรมาส แตะ 3.5220 ริงกิตต่อดอลลาร์ และเงินดอลลาร์ไต้หวันแข็งค่า 3.3% แตะ 32.857 ดอลลาร์ไต้หวันต่อดอลลาร์สหรัฐ
ดัชนีดอลลาร์เอเชียของบลูมเบิร์ก-เจพีมอร์แกน ซึ่งวัดความเคลื่อนไหวของ 10 สกุลเงินหลักในเอเชีย ปรับตัวสูงขึ้นเกือบ 2.8% ในรายไตรมาส ซึ่งถือว่ามากสุดนับตั้งแต่ปี 2547 ส่วนดัชนี MSCI Asia Pacific พุ่ง 29% นับตั้งแต่สิ้นเดือนมี.ค.เป็นต้นมา