ยอดขายยานยนต์ของสหรัฐมีแนวโน้มร่วงน้อยลงในเดือนมิ.ย. และคาดว่าอัตราการขยายตัวต่อปีจะอยู่ที่กว่า 10 ล้านคันเป็นครั้งแรกในปีนี้ เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มมีความเชื่อมั่นมากขึ้นจนสามารถบดบังภาวะซบเซาในตลาดยานยนต์ของสหรัฐ หลังจากที่เจนเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) และไครสเลอร์ แอลแอลซี ยื่นเอกสารพิทักษ์ทรัพย์จากการล้มละลาย
นักวิเคราะห์จากโพลล์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดว่า ยอดขายรถยนต์และรถบรรทุกขนาดเล็กในเดือนมิ.ย.จะอยู่ที่ 10.1 ล้านคัน ซึ่งลดลงมา 26% จากระดับ 13.6 ล้านคันในปีก่อนหน้านี้ พร้อมทั้งคาดว่ายอดขายของไครสเลอร์จะตกลง 36% ขณะที่ยอดขายของจีเอ็มอาจลดลง 30% ส่วนยอดขายของฟอร์ด มอเตอร์ โคจะร่วง 17%
ยอดขายยานยนต์ในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลาอาจดีดตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ หลังจากที่ดิ่งลงอย่างหนักในช่วงครึ่งปีแรก ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเริ่มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น ส่วนอัตราว่างงานมีแนวโน้มชะลอตัวลง
แพทริก อาร์ชามบอลท์ นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์ในนิวยอร์กกล่าวว่า "กระแสตื่นตระหนกเรื่องจีเอ็มและไครสเลอร์ที่เริ่มแผ่วลง ประกอบกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ดีขึ้น และอัตราดอกเบี้ยรถยนต์ที่อยู่ในระดับต่ำ ทำให้เราเชื่อว่ายอดขายรถจะเริ่มมีเสถียรภาพในช่วงครึ่งปีหลัง"
ทั้งนี้ ยอดขายของไครสเลอร์ในเดือนพ.ค.ยังขยายตัวได้อย่างโดดเด่นในตลาดยานยนต์ ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้บริโภคมิได้มีปฏิกิริยาต่อกระบวนการยื่นเอกสารล้มละลายของบริษัท ขณะที่ยอดขายโดยรวมในตลาดยานยนต์ของสหรัฐตกลง 34% ในเดือนพ.ค.และทรุดฮวบลง 37% ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ขณะที่ฟอร์ด ซึ่งเป็นค่ายรถสหรัฐแห่งเดียวที่ไม่ยื่นเอกสารขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยว่า ส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศปรับตัวสูงขึ้นในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา
ด้านนักวิเคราะห์กล่าวว่า เราได้ก้าวผ่านจุดต่ำสุดของวิกฤตไปแล้ว และอาจเห็นถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจในครึ่งหลังของปีนี้ รวมถึงยอดขายยานยนต์ที่ดีขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว