นายสมชัย สัจจพงษ์ โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ณ สิ้นเดือน พ.ค.52 รัฐบาลมีเงินคงคลังจำนวน 101,719 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่สูงและมั่นคงต่อฐานะการคลังของรัฐบาล
ทั้งนี้ ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในเดือน พ.ค.รัฐบาลขาดดุลเงินงบประมาณจำนวน 46,593 ล้านบาท จากการที่มีรายได้นำส่งคลัง 114,413 ล้านบาท แต่มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น 161,006 ล้านบาท และเมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่ขาดดุล 891 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลขาดดุลเงินสดจำนวน 47,484 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลมีการกู้เงินเพื่อการชดเชยการขาดดุลโดยออกพันธบัตร และตั๋วเงินคลังจำนวน 51,312 ล้านบาท ส่งผลให้ดุลเงินสด(หลังกู้ชดเชยการขาดดุล)พ.ค. 52 เกินดุลจำนวน 3,828 ล้านบาท
ฐานะการคลังของรัฐบาลช่วง 8 เดือนแรกปีงบประมาณ 52 (ต.ค.51-พ.ค.52) รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 776,450 ล้านบาท แต่มีการเบิกจ่ายงบประมาณจำนวน 1.274 ล้านล้านบาท ทำให้ขาดดุลเงินงบประมาณ 498,019 ล้านบาท แต่เมื่อรวมดุลเงินนอกงบประมาณที่เกินดุลจำนวน 17,148 ล้านบาท จากสาเหตุที่ได้รับชดใช้เงินคงคลังจำนวน 27,540 ล้านบาท ทำให้ดุลเงินสดของรัฐบาลก่อนกู้เงินขาดดุล 480,871 ล้าน บาท คิดเป็น 5.3%ของจีดีพี
ทั้งนี้ รัฐบาลได้บริหารเงินสดให้สอดคล้องกับความต้องการใช้เงิน รวมทั้งเพื่อเป็นการประหยัดภาระดอกเบี้ย จึงได้ชดเชยการขาดดุลดังกล่าวด้วยการออกพันธบัตร ตั๋วสัญญาใช้เงิน และตั๋วเงินคลังรวม 353,530 ล้านบาท และใช้เงินคงคลัง 127,341 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้น พ.ค. 52 มีจำนวน 101,719 ล้านบาท
โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า รัฐบาลยังคงมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจในขณะที่ภาคเอกชนยังอ่อนแอผ่านการขาดดุลเงินงบประมาณ และการขาดดุลเงินสดของรัฐบาล ได้สะท้อนถึงความสำเร็จของการใช้จ่ายของภาครัฐในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและลดการชะลอตัวของภาคเศรษฐกิจในสาขาต่างๆ