นายเหอ เหยาเฟย รมช.คลังของจีนเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวที่กรุงปักกิ่งในวันนี้ว่า จีนซึ่งมีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศมากที่สุดในโลก ยังคงเรียกร้องให้สหรัฐผลักดันสกุลเงินดอลลาร์ให้มีเสถียรภาพมากขึ้น พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการกระจายความเสี่ยงในระบบทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของโลก
"เราคาดหวังว่าสกุลเงินดอลลาร์จะมีเสถียรภาพมากขึ้นในฐานะสกุลเงินที่ใช้ในระบบทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของโลก วิกฤตการณ์การเงินโลกส่งผลใหค่าเงินดอลลาร์อ่อนแอลงและส่งผลกระทบต่อระบบการเงินทั่วโลกด้วย เรามองว่า ควรจะมีการกระจายความเสี่ยงในระบบทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ ผมเชื่อว่าทั่วโลกควรทำเช่นนี้" เหยาเฟยกล่าว
เหยาเฟยยังกล่าวด้วยว่า จีนจะนำเรื่องนี้เข้าสู่การอภิปรายในการประชุมสุดยอด G8 ในเดือนนี้ เนื่องจากจีนวิตกกังวลว่าการอ่อนตัวลงของค่าเงินดอลลาร์จะยิ่งส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้ส่งออกของจีน ซึ่งความกังวลดังกล่าวทำให้จีนลดการถือครองสกุลเงินดอลลาร์ในระบบทุนสำรองเงินตราต่างประเทศลงถึง 4.4 พันล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย. เหลือเพียง 7.635 แสนล้านดอลลาร์
"การชูประเด็นนี้ในที่ประชุม G8 ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะหารือกันเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบัน และหาแนวทางตอบสนอง" เหยาเฟยกล่าว
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า จีนได้ออกมาเรียกร้องให้มีการใช้สกุลเงินใหม่ในระบบทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ ซึ่งทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าจีนอาจนำเงินในทุนสำรองฯออกมากระจายความเสี่ยง โดยปัจจุบันจีนมีทุนสำรองฯมากที่สุดในโลกถึง 1.95 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งการแสดงความคิดเห็นของธนาคารกลางจีนส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ดิ่งลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรเป็นเวลาหลายวัน
ความเคลื่อนไหวของทางการจีนมีขึ้นนับตั้งแต่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยจีนเรียกร้องให้มีการใช้เงินสกุล SDR เป็นค่ามาตรฐานในระบบสำรองเงินตราแทนที่สกุลเงินดอลลาร์ของสหรัฐ ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าความเคลื่อนไหวของจีนครั้งนี้มีนัยสำคัญต่อตลาดปริวรรตเงินตราทั่วโลกและสะท้อนให้เห็นว่าความสำคัญของดอลลาร์สหรัฐในฐานะสกุลเงินหลักของระบบทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ "กำลังจะจบสิ้นลง"