จง-วา ลี หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) กล่าวในวันนี้ว่า แม้จะมีสัญญาณบ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจเอเชียจะเป็นไปอย่างเชื่องช้าและอ่อนแรง
นายลีให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวที่กรุงมะนิลาว่า ขณะนี้ เอเชียอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากจุดต่ำสุดของวิกฤตไปสู่การฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม เขาเตือนว่าเส้นทางที่จะนำไปสู่การฟื้นตัวนั้นทอดยาวและเต็มไปด้วยอุปสรรคจากความเสี่ยงนานับประการ
เมื่อเดือนมีนาคม เอดีบีคาดการณ์อัตราการขยายตัวของประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียว่าจะชะลอตัวมาอยู่ที่ 3.4% และจะไต่ระดับขึ้นเป็น 6% ในปีหน้า
ลีกล่าวว่า จีน อินเดีย และอินโดนีเซีย ยังคงมีแรงกระตุ้นการขยายตัวที่แข็งแกร่ง ขณะที่ภาคการผลิตในประเทศที่พึ่งพาการส่งออกอื่นๆก็กระเตื้องขึ้นในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม การถดถอยของเศรษฐกิจที่รุนแรงเกินคาดในประเทศพัฒนาแล้ว โดยเฉพาะในยุโรป จะทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจเอเชียต้องล่าช้ายืดยาวออกไป โดยลีเผยว่า มาถึงตอนนี้ เอดีบีคาดว่าเศรษฐกิจยุโรปจะหดตัว 4-5% ในปีนี้ ซึ่งแย่กว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนมี.ค.ว่าจะหดตัว 3% ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐยังทรงตัว ส่วนญี่ปุ่นส่งสัญญาณทั้งเชิงบวกและลบต่อสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน
หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเอดีบีกล่าวด้วยว่า การส่งออกยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญสำหรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจเอเชีย และในเมื่อถ้าเศรษฐกิจโลกไม่ฟื้นตัว ก็คงเป็นเรื่องยากที่เอเชียจะกลับมาขยายตัวอย่างยั่งยืนได้ พร้อมกล่าวด้วยว่า แม้การขยายตัวของเศรษฐกิจเอเชียในเวลานี้ได้รับปัจจัยหนุนจากดีมานด์ในภูมิภาค แต่อย่างไรก็ดี ประเทศอุตสาหกรรม โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ก็จะยังคงเป็นตลาดส่งออกหลักของเอเชีย
ทั้งนี้ นอกเหนือไปจากความเสี่ยงที่เกิดจากภาวะถดถอยที่ยาวนานและรุนแรงในประเทศอุตสาหกรรมแล้ว ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น และมาตรการกีดกันทางการค้าที่ประเทศพัฒนาแล้วนำมาใช้เพื่อปกป้องเศรษฐกิจของตนเอง ก็เป็นปัจจัยลบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเอเชียเช่นกัน