แหล่งข่าวเปิดเผยว่า การตัดสินใจของโตโยต้า มอเตอร์ เรื่องปิดหรือรักษาโรงงานที่แคลิฟอร์เนียไว้หลังจากที่เจนเนอรัล มอเตอร์ส (GM) ได้ตัดสินใจยกเลิกการถือหุ้นในโรงงานดังกล่าวไปเมื่อวันที่ 29 มิ.ย. อาจจะมีปัญหาอันเนื่องมาจากศาลล้มละลาย
โตโยต้า ตั้งเป้าว่า จะตัดสินใจเรื่องการปิดกิจการหรือเดินหน้ากิจการบริษัท นิว ยูไนเต็ด มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง ซึ่งดูแลโรงงานที่แคลิฟอร์เนียเพียงผู้เดียวต่อไปในช่วงสิ้นเดือนก.ค.นี้
บลูมเบิร์กรายงานว่า โรงงาน อสังหาริมทรัพย์ และสินทรัพย์อื่นๆที่บริษัทไม่ต้องการใช้งานแล้วของจีเอ็มจะต้องถูกนำมาออกมาประมูลขาย เพื่อนำเงินมาชำระใช้เจ้าหนี้ ซึ่งสินทรัพย์ดังกล่าวนับรวมถึงบริษัท นิว ยูไนเต็ด มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง ที่บริษัทจีเอ็มอ้างว่าเป็นเจ้าของในสัดส่วน 722,662.08 ดอลลาร์ด้วยเช่นกัน โตโยต้าได้ตั้งทีมงานขึ้นมาเพื่อประเมินมูลค่าของบริษัท นิว ยูไนเต็ด มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง และได้สรุปผลการประเมินก่อนที่จะได้เจรจาเรื่องการซื้อหุ้น
ทสึโยชิ โมจิมารุ นักวิเคราะห์ของบาร์เคลย์ส แคปิตอล เจแปน กล่าวว่า การเจรจาต่อรองใดๆก็ตามจะต้องใช้เวลา และคงจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
โตโยต้าได้ลงทุนในบริษัท นิว ยูไนเต็ด มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่งในเบื้องต้นเป็นเงิน 100 ล้านดอลลาร์ โดยการร่วมทุนในบริษัทดังกล่าวใช้เงินทุน 310 ล้านดอลลาร์ โดยโรงงานของ นิว ยูไนเต็ด มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง ซึ่งเป็นโรงงานประกอบรถแห่งเดียวในชายฝั่งตะวันตกของอเมริกาเหนือ มีความสามารถในการผลิตรถยนต์และรถกระบะ 420,000 คันต่อไป
อนาคตโรงงานของบริษัทที่เริ่มดำเนินการเมื่อปี 2537 นั้น นับเป็นอีกปัจจัยที่อาจจะสร้างปัญหาให้กับความพยายามที่จะฟื้นธุรกิจของโตโยต้า รวมทั้งการรักษากิจการโรงงานต่างๆในแถบอเมริกาเหนือ ท่ามกลางภาวะยอดขายที่ตกต่ำที่สุดในสหรัฐนับตั้งแต่ปี 2519
ทั้งนี้ การถอนตัวของจีเอ็มทำให้โตโยต้ามีทางเลือก 2 ทาง คือ การเปิดโรงงานไว้ต่อไปพร้อมกับต้นทุนที่อยู่ในระดับสูงหรือปิดโรงงานไป และเลิกจ้างพนักงานประมาณ 4,500 ราย ซึ่งรวมถึงตำแหน่งพนักงานของสหภาพพนักงานด้านยานยนต์ของสหรัฐ