IMF คาดเศรษฐกิจโลกโต 2.5% ปีหน้า แนะรบ.ทั่วโลกใช้แผนฟื้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง

ข่าวต่างประเทศ Thursday July 9, 2009 09:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดากรณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะหดตัวลง 1.4% ในปีนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ว่าจะหดตัว 1.3% อย่างไรก็ตาม ไอเอ็มเอฟคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 2.5% ในปีหน้า เพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัว 1.9% ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวขึ้นจากภาวะถดถอยรุนแรง

โอลิเวอร์ บลองชาร์ด ผู้อำนวยการแผนกวิจัยของไอเอ็มเอฟกล่าวว่า "ภาวะเศรษฐกิจโลกยังอยู่ในระยะถดถอย แต่ก็มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวขึ้น รัฐบาลและธนาคารกลางทั่วโลกยังไม่ควรยกเลิกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้และปีหน้า เพราะการที่เศรษฐกิจขยายตัว 2.5% ก็ยังไม่เพียงพอที่จะรองรับอัตราว่างงานที่มีแนวโน้มพุ่งขึ้นรุนแรงในอีก 2 ปีข้างหน้า"

ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมิ.ย.ของสหรัฐร่วงลง 467,000 ตำแหน่ง และอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 9.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 26 ปี มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนมิ.ย.จะร่วงลง 365,000 ตำแหน่ง

สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) รายงานว่า อัตราว่างงานใน 16 ประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโรปรับตัวสูงขึ้นแตะ 9.5% ในเดือนพ.ค. จากระดับ 9.3% ในเดือนเม.ย. ถือเป็นสถิติที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2542 โดยตัวเลขคนตกงานซึ่งเพิ่มขึ้น 273,000 จากเดือนเม.ย.มาอยู่ที่ 15 ล้านคนในเดือนพ.ค. ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอาจจะต้องใช้เวลานาน

บลองชาร์ดระบุว่า สถานการณ์ด้านการเงินโลกฟื้นตัวขึ้นรวดเร็วกว่าที่ไอเอ็มเอฟคาดการณ์ไว้เมื่อเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นเพราะรัฐบาลทั่วโลกให้ความช่วยเหลือภาคการธนาคารและภาคการเงิน พร้อมกันนี้ไอเอ็มเอฟเชื่อว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะได้รับปัจจัยหนุนจากความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีนและอินเดีย โดยคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 8.5% ในปีหน้า และคาดว่าเศรษฐกิจอินเดียจะขยายตัว 6.5% ในปีหน้า

ไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวลง 2.6% ในปีนี้ ซึ่งน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะหดตัว 2.8% และคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 0.8% ในปีหน้า มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะไม่ขยายตัว ส่วนเศรษฐกิจยุโรปและญี่ปุ่นคาดว่าจะยังไม่ขยายตัวอย่างยั่งยืนจนกว่าจะถึงช่วงปลายปีหน้า สำนักข่าวเอพีรายงาน



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ