สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลียเปิดเผยว่า อัตราการจ้างงานของออสเตรเลียในเดือนมิ.ย.ร่วงลง เนื่องจากเศรษฐกิจโลกถดถอยฉุดความต้องการสินค้าส่งออก เช่น สินแร่เหล็กและถ่านหิน ส่งผลให้บริษัทเหมืองทำการปลดพนักงาน โดยจำนวนการจ้างงานในเดือนมิ.ย.ลดลงไป 21,400 ตำแหน่งจากสถิติเดือนพ.ค. ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ที่บลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็นคาดว่า อัตราการจ้างงานจะลดลงไป 20,000 ราย
ทั้งนี้ อัตราว่างงานของออสเตรเลียเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5.8% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 6 ปี จากระดับเดิมที่ 5.7%
นายเกลนน์ สตีเวนส์ ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลีย ได้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 3% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 แล้ว เพื่อสกัดกระแสการปลดพนักงานในภาคบริษัทเอกชน ซึ่งรวมถึงบีเอชพี บิลลิตัน บริษัทเหมืองรายใหญ่ของโลก ขณะที่การลงโฆษณาเพื่อรับสมัครงานในเดือนมิ.ย.ก็ตกลงอย่างต่อเนื่องมาเป็นเดือนที่ 14 ถือเป็นสัญญาณอีกสัญญาณว่า อัตราการว่างงานจะสูงขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
ริกกี้ โพลิเจนิส นักเศรษฐศาสตร์ของออสเตรเลีย แอนด์ นิวซีแลนด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป กล่าวว่า ปัจจัยชี้นำต่างๆยังคงบ่งบอกถึงการจ้างงานที่ร่วงลงเหมืองกับช่วงที่เศรษฐกิจออสเตรเลียเคยประสบกับภาวะถดถอยเมื่อปี 2534
จำนวนพนักงานที่ทำงานแบบเต็มเวลาในเดือนมิ.ย.ลดลงไป 21,900 ราย ส่วนการจ้างงานพนักงานแบบพาร์ทไทม์เพิ่มขึ้น 400 ราย
เศรษฐกิจออสเตรเลียสามารถหลุดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยได้แล้ว โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศไตรมาสแรกของประเทศปรับตัวขึ้น 0.4% ส่งผลให้ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจไม่กี่ประเทศที่มีอัตราการขยายตัวแล้วเช่นเดียวกับจีนและอินเดีย