นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งปี 55 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และรับทราบความคืบหน้าในการพิจารณากลั่นกรองโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการดังกล่าว โดยโครงการภายใต้แผนไทยเข้มแข็งที่ ครม.อนุมัติไว้ 1.56 ล้านล้านบาทนั้น ขณะนี้ได้อนุมัติโครงการไปแล้ว 1.06 ล้านล้านบาท
อย่างไรก็ดี พบว่าจากเดิมที่ได้วางกรอบกำหนดให้ปิดรับการเสนอโครงการของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจภายในสิ้น มิ.ย.52 นั้น แต่พบว่ามีอีกหลายโครงการที่ยังไม่ได้เสนอแผนการใช้เงินที่ชัดเจน ครม.จึงได้ขยายเวลาการพิจารณาโครงการไปจนถึงกลางเดือน ก.ค.52
สำหรับสาระสำคัญของร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ได้เพิ่มอำนาจให้คณะกรรมการกลั่นกรองโครงการที่มีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน ได้พิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการ ส่วนการเบิกจ่ายงบประมาณต่างๆ ให้เจ้าของโครงการดำเนินการเบิกจ่ายเงินงบประมาณตามระเบียบ กฎหมาย อย่างเต็มที่ โดยมีสำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางกำกับดูแลการใช้เงินงบประมาณตามโครงการดังกล่าว ภายใต้มาตรฐานเดียวกับการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี
นายวัชระ กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ย้ำในที่ประชุม ครม.ว่าโครงการลงทุนตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งจะต้องเห็นผลตามเป้าวัตถุประสงค์ที่ ครม.กำหนด และต้องตอบสนองตามเป้าหมายโครงการที่ต้องการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจ ส่วนกรณีที่มีเงินเหลือจากการบริหารโครงการนั้น ที่ประชุม ครม.ให้นำเงินที่เหลือส่งคืนคลัง โดยไม่ให้มีการเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มโครงการใดๆ ทั้งในการกู้เงินตาม พ.ร.ก. และ พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกำชับให้หน่วยงานเจ้าของโครงการที่มีความพร้อมในการเดินหน้าโครงการ สามารถดำเนินการได้ทันที เนื่องจากได้รับการยืนยันจาก รมว.คลัง ว่ามีการจัดหาแหล่งเงินทุนที่พร้อมแล้ว อีกทั้ง รมว.คลัง ยังรายงานด้วยว่าการเบิกจ่ายเงินงบประมาณน่าจะเริ่มใช้ได้ในเดือน ส.ค.52
"กรณีที่มีเงินเหลือจากการบริหารโครงการ เดิมเคยถกเถียงกันว่าหากใช้เงินไม่หมดให้ส่งคืน หรือให้เจ้าของโครงการเสนอโครงการใหม่ภายใต้วงเงินที่เหลือ แต่ ครม.วันนี้เห็นว่าให้นำเงินส่งคืนโดยไม่ให้เปลี่ยนหรือเพิ่มโครงการใดๆ" นายวัชระ กล่าว
นายวัชระ กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.ยังได้หารือถึงการประมูลในระบบ e-Auction ว่าจะมีความเหมาะสมสำหรับใช้ประมูลจัดซื้ออุปกรณ์ในโครงการลงทุนตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งหรือไม่ เพราะเดิมที่ต้องใช้เวลาดำเนินการตามขั้นตอนถึง 60 วัน ซึ่งครม.ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษาข้อมูลและนำกลับมาเสนออีกครั้งภายใน 2 สัปดาห์
ทั้งนี้ ตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งยังได้มีการวางระเบียบกำหนดอำนาจหน้าที่การบริหารโครงการในพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยให้คณะกรรมการรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีอำนาจอนุมัติการโอน, เปลี่ยนแปลงโครงการ หรือใช้เงินเหลือจ่ายจากโครงการที่ได้รับอนุมัติจาก ครม. รวมทั้งการจัดหาพัสดุต่างๆ โดยให้มีอำนาจเต็มที่ในการพิจารณาโครงการให้เกิดความยืดหยุ่นตามความเหมาะสม