ศาสตราจารย์นูเรียล รูบินี นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังแห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก และเป็นผู้คาดการณ์ว่าจะเกิดวิกฤตการเงินในปี 2549 ได้ออกมาคาดการณ์สถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐอีกครั้งในวันนี้ โดยคาดว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐจะยืดเยื้อต่อไปอีก 6 เดือนข้างหน้า และจากนั้นเศรษฐกิจจะ "ค่อยๆฟื้นตัวขึ้น"
"ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐรุนแรงมากและเกือบจะใกล้เคียงกับเมื่อครั้งที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลก (Great Depression) สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าสหรัฐยังไม่พ้นวิกฤติในระยะนี้" ศาสตราจารย์รูบินีกล่าวให้สัมภาษณ์ทางสถานีวิทยุ “Surveillance" ของบลูมเบิร์ก
เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 5.5% ในไตรมาสแรก หลังจากหดตัวลง 6.3% ในไตรมาสที่ 4 ของปีพ.ศ.2551 ซึ่งเป็นสถิติที่หดตัวรุนแรงที่สุดในรอบ 51 ปี ขณะที่อัตราการออมส่วนบุคคลพุ่งขึ้นแตะระดับ 6.9% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี แต่ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคประจำเดือนพ.ค.ขยับขึ้นเพียง 0.3% ทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่กังวลว่าอัตราการออมที่สูงกว่าตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคอาจทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐเป็นไปอย่างล่าช้า
ขณะที่ศาสตราจารย์โรเบิร์ต ชิลเลอร์ นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังแห่งมหาวิทยาลัยเยล กล่าวให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์กทางรายการเดียวกันว่า สหรัฐยังคงเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจแม้รัฐบาลและธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบไปแล้วราว 12.8 ล้านล้านดอลลาร์ โดยศาสตราจารย์ชิลเลอร์มองว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ควรใช้มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจรอบที่สอง