น.ส.กิริฎา เภาพิจิตร เศรษฐกรอาวุโส ธนาคารโลก มองว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยจะยังสามารถฟื้นตัวเป็นบวกได้ในช่วงไตรมาส 4/52 แม้ล่าสุดจะมีสถานการณ์การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เข้ามาเป็นตัวแปรหนึ่งที่จะมีผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจก็ตาม โดยเชื่อว่าประเด็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะเป็นน้ำหนักที่สำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมากกว่าสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่เป็นปัจจัยลบ
"เรามองว่าจีดีพีไตรมาส 4 ปีนี้ยังเป็นบวก ซึ่งมาจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว ความต้องการสินค้าไทยมีเพิ่มขึ้น ผลกระทบจากหวัด 2009 ต่อจีดีพีอาจจะมีบ้าง แต่เชื่อว่าผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะมีมากกว่า หากเศรษฐกิจโลกฟื้น จีดีพีไตรมาส 4 ก็น่าจะเป็นบวก" เศรษฐกรอาวุโส กล่าว
น.ส.กิริฎา ระบุว่า ธนาคารโลกยังประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะหดตัวราว 2.7% ซึ่งระดับดังกล่าวยังถือว่าไม่หดตัวสูงไปกว่าการประมาณการณ์ของหลายหน่วยงาน เพราะมองว่าเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย เช่น จีน และอินเดีย จะเริ่มฟื้นตัวซึ่งจะส่งผลดีต่อการส่งออกสินค้าของไทยให้เพิ่มมากขึ้นได้
พร้อมมองว่าไม่ควรกังวลต่อปัจจัยเรื่องเงินบาทแข็งค่าที่จะเป็นอุปสรรคต่อการส่งออกของไทย เนื่องจากเงินบาทของไทยไม่ได้แข็งค่ามากไปกว่าประเทศคู่แข่งสำคัญมากนัก ซึ่งผลกระทบเชื่อว่าจะไม่มากเท่าที่หลายฝ่ายวิตก เพราะในทางกลับกันแล้วเงินบาทที่แข็งค่าสามารถลดต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบที่จะนำมาผลิตเป็นสินค้าเพื่อการส่งออกได้