จีนประสบความล้มเหลวในการดึงนักลงทุนเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลที่นำออกขายเป็นครั้งที่ 2 ในสัปดาห์นี้ เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่า ยอดปล่อยเงินกู้ที่สูงเป็นประวัติการณ์ของจีนจะทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อในระบบเศรษฐกิจ
บลูมเบิร์กรายงานว่า กระทรวงคลังจีนได้ขายพันธบัตรมูลค่า 2.51 หมื่นล้านหยวน หรือ 3.7 พันล้านดอลลาร์ จากจำนวนเงินทุนที่ต้องการระดมทุนให้ได้ 3.5 หมื่นล้านหยวน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 6 ปีที่จีนไม่สามารถขายพันธบัตรได้ทั้งหมดที่มีการเปิดขายเมื่อวันที่ 8 ก.ค.
ความล้มเหลวของการขายพันธบัตรสะท้อนให้เห็นถึงความกังวลที่ว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 4 ล้านล้านหยวนของรัฐบาลจีนจะทำให้เกิดภาวะฟองสบู่ในตลาดหุ้นและตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ที่จะบีบให้ธนาคารกลางจีนคุมเข้มนโยบายทางการเงิน โดยธนาคารกลางจีนได้ดูดสภาพคล่องจากธนาคารต่างๆไปแล้วในสัปดาห์นี้ ซึ่งธนาคารถือเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่สุดในตลาดตราสารหนี้มูลค่า 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ของจีน
ทอมมี่ เซียะ นักเศรษฐศาสตร์ของโอเวอร์ซี-ไชนีส แบงกิ้ง คอร์ป กล่าวว่า การปฏิบัติการแบบตลาดเปิดของแบงค์ชาติจีนชี้ให้เห็นถึงความกังวลเรื่องยอดการปล่อยเงินกู้ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ว่าอาจจะทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ นักลงทุนบางส่วนคาดว่า ธนาคารกลางจีนจะขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ แต่เราไม่คิดว่าจะทำเช่นนั้นเพราะการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกยังคงชะลอตัวอยู่
กระทรวงคลังจีนขายพันธบัตรไปได้ 1.24 หมื่นล้านหยวน เมื่อเปรียบเทียบกับการขายครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ที่ 0.84% และได้ออกพันธบัตรมูลค่า 1.26 หมื่นล้านหยวน ที่ 1.25% ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้น 0.88% ที่ระดับการขายก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.