นายกรณ์ จาติกวนิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า หลังจากที่กระทรวงการคลังให้ธนาคารพาณิชย์ทั้ง 7 แห่งทั่วประเทศเปิดขายพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งเป็นวันแรก โดยให้สิทธิผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปได้จองซื้อก่อนนั้น พบว่าวงเงินพันธบัตร 1.5 หมื่นล้านบาทในรอบนี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก กระทรวงการคลังจึงเพิ่มสัดส่วนการจำหน่ายพันธบัตรให้แก่ผู้สูงอายุอีก 1 เท่า รวมเป็น 3 หมื่นล้านบาท
โดยวงเงินส่วนที่เพิ่มขึ้นอีก 1.5 หมื่นล้านบาทนั้น ได้นำมาจากวงเงินพันธบัตรรอบ 3 มูลค่า 2 หมื่นล้านบาทที่เตรียมจำหน่ายให้แก่ประชาชนทั่วไปในช่วงวันที่ 17, 20-21 ก.ค.นี้ ดังนั้นจึงทำให้พันธบัตรรอบที่ 3 เหลือวงเงินอยู่ที่ 5 พันล้านบาท
รมว.คลัง กล่าวว่า การพิจารณาเพิ่มวงเงินการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ให้แก่ผู้สูงอายุ เนื่องจากเห็นว่าเป็นกลุ่มที่ต้องพึ่งพารายได้จากดอกเบี้ยมากกว่ากลุ่มอื่น
อย่างไรก็ดี พบว่ามีผู้สูงอายุมาจองซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งจนครบทั้งครบ 3 หมื่นล้านบาทแล้ว ในทั้ง 7 ธนาคารพาณิชย์ ตั้งแต่เวลา 10.30 น. คิดเป็นผู้สูงอายุที่มาซื้อราว 4 หมื่นคน เฉลี่ยยอดการซื้อคนละ 6-7 แสนบาท และการที่คลังตัดสินใจขยายวงเงินขายพันธบัตรออมทรัพย์ให้แก่ผู้สูงอายุ เป็น 3 หมื่นล้านบาท เมื่อช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากได้มีการประเมินล่วงหน้าแล้วจากข้อมูลของธนาคารผู้จัดจำหน่ายทั้ง 7 แห่ง เกี่ยวกับระดับความสนใจซื้อของผู้สูงอายุ แต่การที่ไม่มีการแจ้งขยายวงเงินล่วงหน้า เพื่อลดความเสี่ยงที่ธนาคารอาจจะมีการขายพันธบัตรล่วงหน้าให้ลูกค้า และเพื่อต้องการประเมินจากสถานการณ์ตามข้อเท็จจริงด้วย
ทั้งนี้ในส่วนของการเปิดขายพันธบัตรออมทรัพย์ครั้งต่อไปในวันที่ 15 ก.ค. ที่ให้สิทธิบุคคลทั่วไป จำกัดวงเงินซื้อรายละไม่เกิน 1 ล้านบาท วงเงินที่ออกขาย 15,000 ล้านบาท หากมีผู้ให้ความสนใจจองซื้อจำนวนมาก ก็สามารถโอนยอดพันธบัตรออมทรัพย์ที่เหลืออีก 5 พันล้านบาท จากส่วนที่ไม่จำกัดวงเงินซื้อที่จะเปิดขายในวันที่ 17 ก.ค.52 นำมาสมทบเช่นเดียวกับที่เพิ่มยอดขายพันธบัตรให้ผู้สูงอายุ
"ที่คลังตัดสินใจขยายวงเงินให้ผู้สูงอายุเมื่อ 8 โมงเช้าวันนี้ เพราะกลัวว่าจะมีการขายล่วงหน้า ซึ่งจะทำให้ผู้ที่มาเข้าคิวรอจองซื้อที่สาขาแบงก์เสียโอกาสจับจองพันธบัตรได้...โดยปกติที่คลังออกขายพันธบัตรออมทรัพย์ จะมีผู้สนใจจองซื้อเฉลี่ย 7-8 พันราย แต่พันธบัตรออมทรัพย์ 5 หมื่นล้านบาท ที่ขายให้ผู้สูงอายุวันนี้ 3 หมื่นล้านบาท ก็มีผู้สนใจเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 4 หมื่นราย ถือว่าประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย" รมว.คลัง กล่าว
รมว.คลัง กล่าวอีกว่า กระทรวงการคลัง พร้อมเปิดขายพันธบัตรออมทรัพย์เพิ่มเติมในครั้งต่อไปอีก โดยจะพิจารณาจังหวะเวลา และวงเงินที่จะออกอย่างเหมาะสม หลังจากได้ประเมินสถานการณ์ขายพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งครั้งนี้ วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท ที่คาดว่าจะมีผู้จองซื้อเต็มวงเงิน โดยวงเงินที่ระดมได้จากการออกพันธบัตรครั้งนี้จะนำไปใช้เพื่อชดเชยเงินคงคลัง และรองรับการเบิกจ่ายเงินงบประมาณในโครงการลงทุนตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งที่พบว่า ขณะนี้หน่วยราชการทุกแห่งที่รับผิดชอบโครงการลงทุน มีความพร้อมที่จะอนุมัติวงเงินและนำไปสู่การเบิกจ่ายเงินแล้ว ซึ่งกระทรวงการคลังมีอำนาจที่จะกู้เงินได้ถึง 8 แสนล้านบาท