รมว.อุตสาหกรรม เผยเจ้าของโรงแรมระดับ 4-5 ดาวในเมืองท่องเที่ยวกว่า 15 แห่ง ถอดใจเตรียมขายกิจการทิ้งให้นักลงทุนจีน หลังเผชิญผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและการแพร่ระบาดของเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ทำให้รายได้ลดวูบจนทำให้เกิดปัญหาขาดสภาพคล่อง
"นักลงทุนจีนเตรียมเข้ามาซื้อกิจการโรงแรมระดับ 4-5 ดาว ในไทย 15-16 แห่ง ราคาเฉลี่ยแห่งละ 1,200-1,500 ล้านบาท เนื่องจากวิกฤติเศรษฐกิจและการระบาดไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ทำให้รายได้โรงแรมลดลงอย่างมาก ส่งผลให้เจ้าของกิจการมีปัญหาขาดสภาพคล่อง และหลายรายไม่สามารถชำระหนี้ให้กับสถาบันการเงินได้" นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม กล่าว
ทั้งนี้ เนื่องจากนักลงทุนจีนประเมินว่าอีก 2-3 ปีข้างหน้า ธุรกิจท่องเที่ยวของไทยจะกลับมาฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก ซึ่งตนเองได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เข้าไปช่วยเจรจากับนักลงทุนจีน โดยรัฐบาลพร้อมให้สิทธิประโยชน์อย่างเต็มที่ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโรงแรมในพื้นที่พัทยา กรุงเทพฯ ขอนแก่น คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ เพราะหลายคู่ได้เจรจากันมานานแล้ว
"โรงแรมหลายแห่งประสบปัญหารายได้อย่างหนัก...ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติหลายรายถือโอกาสเข้ามาช้อนซื้อของดีราคาถูก เพราะนักลงทุนจีนได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจไม่มาก จึงมีเงินเหลืออีกเยอะ ผิดกับนักลงทุนไทยหลายรายที่มีปัญหาสภาพคล่อง" นายชาญชัย กล่าว
รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า นักลงทุนจีนยังเตรียมเข้ามาลงทุนตั้งสถานศึกษาในไทย โดยใช้พื้นที่ไม่ต่ำกว่า 100 ไร่ต่อแห่ง วงเงินลงทุนรายละไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อเชื่อมโยงกับการศึกษาของจีน เบื้องต้นมีระบบการศึกษาร่วมกัน 2 แบบ คือ เรียนที่จีน 1 ปี แล้วกลับมาเรียนสถานศึกษาในไทยอีก 3 ปี หรือเรียนที่จีน 2 ปี และที่ไทยอีก 2 ปี ซึ่งที่ผ่านมาทั้ง 2 ประเทศมีโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษากันอยู่แล้ว
นอกจากนี้ ยังมีนักลงทุนอิสราเอลสนใจเข้ามาลงทุนเกี่ยวกับระบบชลประทานและระบบน้ำแบบครบวงจร เนื่องจากไทยมีโครงการเมกะโปรเจ็คต์เกี่ยวกับน้ำทั้งระบบและเป็นประเทศเกษตรกรรม เบื้องต้นประธานหอการค้าอิสราเอล-เอเชียเชิญกระทรวงอุตสาหกรรมเดินทางไปดูเทคโนโลยีระบบน้ำที่ทันสมัยที่สุดในโลก ซึ่งตนเองได้ให้บีโอไอไปจัดเวลาที่เหมาะสมเพื่อไปโรดโชว์ดึงให้นักลงทุนมาไทยและนำนักธุรกิจไทยไปเจรจาหาผู้ร่วมทุนจากอิสราเอล