นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย (KTB) ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกร. วันนี้ มีมติเตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน หรือ กรอ. พิจารณา 3 แนวทาง เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการภาคเอกชนในการร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดย การให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดูแลค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม สามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่งได้ หลังพบว่าขณะนี้ค่าเงินบาท ได้แข็งค่ามากกว่าประเทศอื่นเล็กน้อย
เสนอให้รัฐบาลช่วยเหลือผู้ส่งออกผ่านทางธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ EXIM BANK ให้ค้ำประกันยอดส่งออกในระบบยอดคำสั่งซื้อโดยตรงในลักษณะสัญญา เพิ่มเติมจากปัจจุบันที่ค้ำประกันในระบบ L/Cเท่านั้น
รวมทั้งให้รัฐบาลทบทวนการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย สำหรับโควตา ก. ที่จำหน่ายในประเทศ จากปัจจุบันมีการจัดเก็บในอัตรา 5 บาท/กิโลกรัม โดยให้ลดลงเหลือ 1-2 บาท/กิโลกรัม เพื่อช่วยลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการ ส่วนโควต้า ค.ที่ใช้สำหรับการส่งออก ควรมีการปรับปรุงกฎระเบียนให้สามารถส่งออกได้ง่ายขึ้น และให้รัฐบาลเร่งสร้างความชัดเจนกรณีการประกาศเขตความคุมมลพิษในพื้นที่มาบตาพุด เพราะพื้นที่ดังกล่าวมีการลงทุนรออยู่ถึง 400,000 ล้านบาท ซึ่งจะก่อให้เกิดรายได้ 300,000 ล้านบาท และเกิดการจ้างงาน 100,000 คน
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. กล่าวว่า ที่ประชุมกกร. ได้มอบหมายให้สมาชิกทั่วประเทศเพิ่มมาตรการดูแลพนักงานอย่างเต็มที่ และสามารถลาหยุดได้โดยไม่มีการหักเงินเดือน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 โดยยอมรับว่าภาคเอกชนมีความเป็นหว่างถึงสถานการณ์การระบาดที่เพิ่มขึ้น อาจจะกระทบต่อธุรกิจภาคบริการ การท่องเที่ยวของไทย แม้ขณะนี้ภาคการผลิตยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
นายดุสิต นนทะนาคร ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า หอการค้าไทยเตรียมจัดประชุมใหญ่สมาชิก โดยจะได้ประสานงานโรงพยาบาล มาฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ให้สมาชิก งแม้ไม่ใช่การป้องกันโรคไข้หวัด 2009 โดยตรง แต่เชื่อว่าน่าจะช่วยลดความเสี่ยงลงได้ พร้อมจะจัดให้ความรู้กรรมการหอการค้าไทย นำข้อมูลเผยแพร่ให้แก่สมาชิกอื่นทั่วประเทศ เข้าใจวิธีการป้องกันตัวเพิ่มขึ้น