นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า พร้อมให้การสนับสนุนกับภาคเอกชนที่สนใจจะพัฒนาด้านพลังงานทดแทนในการกู้เงินจากกองทุน Clean Technology Fund ที่จัดตั้งโดยธนาคารโลก(World Bank) เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในด้านพลังงานทดแทน สนับสนุนให้ใช้พลังงานสะอาด ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเป็นการเร่งรัดแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปีซึ่งเป็นวาระแห่งชาติให้ประสบผลสำเร็จ
ทั้งนี้กระทรวงพลังงานจะเป็นหน่วยงานหลักในการประสานงานต่างๆ ของโครงการ และเป็นผู้พิจารณาโครงการที่จะขอรับการสนับสนุนวงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำของเวิลด์แบงค์ โดยวันที่ 15 ก.ค.52 จะมีการจัด Work Shop ร่วมกันระหว่างกระทรวงพลังงานและเวิลด์แบงค์ ประจำประเทศไทย เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการให้เอกชนเข้าร่วมกู้เงินในโครงการดังกล่าว
เบื้องต้นประเทศไทยจะได้รับวงเงินกู้จากกองทุน CTF ประมาณ 300 ล้านดอลลาร์ และร่วมกับเงินทุนจากธนาคารโลกอีก 400 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะมีวงเงินรวมทั้งหมด 5,000 ล้านดอลลาร์เพื่อปล่อยกู้แก่ภาคเอกชน โดยในส่วนของสินเชื่อจากเงินกองทุนจะมีอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำ 1.75% ซึ่งจะมีระยะเวลาไม่น้อยกว่า 20-30 ปี
"การที่เวิลด์แบงค์ให้ความสนใจให้สิทธิประเทศไทยเข้าร่วมโครงการนับเป็นสัญญาณที่ดี ที่เวิลด์แบงค์เห็นว่านโยบายการส่งเสริมพลังงานทดแทนของประเทศไทยมีทิศทางที่ชัดเจนที่สุดในอาเซียน และเป็นประเทศเดียวที่ได้กำหนดแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี" รมว.พลังงาน กล่าว
พร้อมระบุว่า การให้เงินกู้จากกองทุน Clean Technology Fund นอกจากจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนด้านพลังงานทดแทน ภายใต้แผนพลังงานทดแทน 15 ปีแล้ว ในระยะยาวยังสามารถช่วยลดก๊าซเรือนกระจกและสามารถพัฒนาสู่การขายคาร์บอนเครดิตได้อีกด้วย