ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของออสเตรเลียในเดือนมิ.ย.ดีดตัวขึ้นสู่แดนบวกได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2550 ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้มีความเป็นไปได้ว่า ธนาคารกลางออสเตรเลียอาจตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปีต่อไปในปีนี้
ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของออสเตรเลียที่ได้จากการสำรวจความเห็นของบริษัทต่างๆกว่า 400 แห่ง ซึ่งจัดทำโดยเนชั่นแนล ออสเตรเลีย แบงก์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 6 จุด สู่ระดับ 4 จุด หลังจากที่ตัวเลขดังกล่าวติดลบในช่วง 17 เดือนก่อนหน้านี้ ซึ่งบ่งชี้ให้เห็นถึงว่าภาคเอกชนมีมุมมองต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในแง่บวกมากกว่าแง่ลบ
ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจที่ดีขึ้นเป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจออสเตรเลียอาจรอดพ้นจากภาวะถดถอย เพราะได้รับอานิสงส์จากการใช้จ่ายของรัฐบาล และการตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางลงเหลือ 3% นอกจากนี้ อัตราว่างงานยังเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนมิ.ย. ส่วนความเชื่อมั่นผู้บริโภคทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2550 และยอดการอนุมัติเงินกู้จำนองบ้านเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8
อลัน ออสเตอร์ นักวิเคราะห์จากเนชั่นแนล ออสเตรเลีย แบงก์ ในเมลเบิร์น กล่าวว่า "สถานการณ์ในแง่บวกที่เกิดขึ้นอาจช่วยทำให้เกิดความหวังต่อแนวโน้มเศรษฐกิจที่ก้าวผ่านจุดเปลี่ยนมาแล้ว ปัจจัยแวดล้อมในภาคธุรกิจเองก็เริ่มดีดตัวขึ้นสู่ระดับที่มีการรายงานช่วงก่อนที่เลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิ้ง อิงค์จะประสบภาวะล้มละลายในเดือนก.ย."
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 11:33 น.ตามเวลาท้องถิ่นในซิดนีย์ เงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ 78.20 เซนต์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 78.15 เซนต์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลียก่อนที่ทางการจะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะ 2 ปีไต่ระดับขึ้นแตะที่ 3.75%
ทั้งนี้ เกลน สตีเวนส์ ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลียได้ตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนก.ค.หลังจากที่หั่นดอกเบี้ยลงไปแล้วถึง 4.25% ตั้งแต่เดือนก.ย.2551 ถึงเม.ย.2552 เพื่อกระตุ้นอุปสงค์ของผู้บริโภค
นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้จ่ายเงินช่วยเหลือภาคครัวเรือนอีกกว่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลียในปีนี้ รวมถึงจัดสรรเงิน 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานเช่น ถนนหนทาง เส้นทางรถไฟ ท่าเรือ โรงพยาบาลและโรงเรียนต่างๆ