คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)เห็นชอบปรับปรุงมาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หวังรองรับการลงทุนในอนาคต โดยเปิดทางให้ทุกประเภทกิจการได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุด พร้อมยืดเวลาหนุนผู้ประกอบการขยายการลงทุนในพื้นที่ไปจนถึงปี 55
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า คณะกรรมการ บีโอไอวันนี้เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนเป็นพิเศษในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่กำหนดให้จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเขตส่งเสริมการลงทุนที่ได้รับสิทธิและประโยชน์มากกว่าพื้นที่อื่น และสอดคล้องกับแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งในการช่วยเหลือผู้ประกอบการในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ และรองรับการลงทุนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ที่ประชุมฯ เห็นชอบให้ปรับปรุง 4 มาตรการ คือ 1.จากเดิมที่ให้ส่งเสริมกิจการเกษตรและผลผลิตทางการเกษตร ปรับปรุงใหม่เป็นให้ทุกประเภทกิจการที่อยู่ในข่ายได้รับการส่งเสริมการลงทุนได้รับสิทธิและประโยชน์ตามมาตรการนี้ ได้แก่ ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลกึ่งหนึ่งไม่เกิน 5 ปี หักค่าขนส่ง ค่าไฟฟ้า และประปา 2 เท่า และหักเงินที่ใช้ในการติดตั้งหรือก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกจากกำไรไม่เกิน 25% ของเงินลงทุน
2.ขยายเวลาให้กิจการนิคมอุตสาหกรรมหรือเขตอุตสาหกรรมและกิจการที่ตั้งในนิคมอุตสาหกรรมหรือเขตอุตสาหกรรมใน 3 จังหวัดภาคใต้ สามารถรวมโครงการแรกเข้ากับโครงการขยาย ทำให้ระยะเวลายกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลของโครงการแรกยาวนานขึ้น จากเดิมมาตรการดังกล่าวกำหนดให้โครงการแรกยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนภายในวันที่ 31 ธ.ค.50 แก้ไขเป็นให้สิ้นสุดภายในวันที่ 31 ธ.ค.55
3.ขยายเวลามาตรการส่งเสริมการลงทุนเป็นกรณีพิเศษใน 3 จังหวัดภาคใต้ จากเดิมกำหนดให้ผู้ประกอบการจะต้องยื่นคำขอรับการส่งเสริมโครงการใหม่ภายในวันที่ 31 ธ.ค.52 เป็นให้สิ้นสุดภายในวันที่ 31 ธ.ค.55 เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการที่ดำเนินการอยู่แล้วไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้หรือไม่ เพิ่มการลงทุนในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งจะทำให้ได้รับสิทธิและประโยชน์มากกว่าเกณฑ์ปกติ ทั้งโครงการเดิมที่ทำอยู่แล้ว และโครงการใหม่ และ 4.ขยายเวลาหักค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าขนส่ง ซึ่งปกติจะอนุญาตให้เป็นเวลา 10 ปี ก็ขยายให้เป็นเวลา 15 ปี เพื่อจูงใจให้มากเป็นพิเศษ