ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับเงินยูโร เยน และปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองสกุลเงินดอลลาร์และแห่เข้าเทรดในตลาดหุ้น หลังจากโกลด์แมน แซคส์ และอินเทล คอร์ป รายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาด และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศ
ค่าเงินดอลลาร์พุ่งขึ้น 0.81% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 94.350 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 93.590 เยนต่อดอลลาร์ แต่ดิ่งลง 1.30% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0742 ฟรังค์ต่อดอลลาร์ จากระดับ 1.0883 ฟรังค์ต่อดอลลาร์
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 1.04% แตะที่ 1.4113 ดอลลาร์ต่อยูโร จากระดับ 1.3968 ดอลลาร์ต่อยูโร และค่าเงินปอนด์ดีดขึ้น 0.64% แตะที่ 1.6424 ดอลลาร์ต่อปอนด์ จากระดับ 1.6319 ดอลลาร์ต่อปอนด์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 1.18% แตะที่ 0.8038 ดอลลาร์สหรัฐต่อดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.7944 ดอลลาร์สหรัฐต่อดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดีดขึ้น 1.48% แตะที่ 0.6501 ดอลลาร์สหรัฐต่อดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.6406 ดอลลาร์สหรัฐต่อดอลลาร์นิวซีแลนด์
ไมเคิล วูลฟอล์ค นักวิเคราะห์จากแบงค์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอน กล่าวกับสำนักข่าวเอพีว่า นักลงทุนลดการถือครองสกุลเงินดอลลาร์และแห่เข้าเทรดในตลาดหุ้น หลังจากโกลด์แมน แซคส์ เปิดเผยผลกำไรไตรมาสสองสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นผลมาจากธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์และอันเดอร์ไรท์ที่ดีขึ้น โดยโกลด์แมน แซคส์มีกำไร 3.44 พันล้านดอลลาร์ หรือ 4.93 ดอลลาร์ต่อหุ้นในช่วงเดือนเม.ย. - มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งสูงกว่ากำไร 1.8 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้
ขณะที่อินเทล คอร์ป รายงานผลประกอบการดีกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ ด้วยกำไรสุทธิ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงไตรมาสที่ 2 แม้ว่าเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมาอินเทลจะถูกคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป สั่งปรับเงินจำนวนมากว่า 1 พันล้านยูโรจากกรณีต่อต้านการแข่งขัน อย่างไรก็ตามในช่วงไตรมาสที่ 2 อินเทลมีรายได้ทั้งสิ้น 8 พันล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของเมื่อปีก่อนที่ 9.4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลมาจากตลาดคอมพิวเตอร์พีซีที่แข็งแกร่ง
เฟดคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวลงน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเบื้องต้น ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความมั่นในในทิศทางเศรษฐกิจมากขึ้น โดยเฟดเชื่อว่าเศรษฐกิจจะหดตัว 1-1.5% น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะหดตัว 1.3-2% อย่างไรก็ตาม เฟดคาดว่าอัตราว่างงานในสหรัฐจะพุ่งขึ้นเหนือระดับ 10%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 0.7% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6% ซึ่งการเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นผลมาจากราคาน้ำมันเบนซินที่พุ่งขึ้น ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้น 0.2% ใน เดือนมิ.ย. มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.1%
ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย.ดีดขึ้น 1.8% ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีพ.ศ.2550 ส่วนดัชนี PPI พื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้นมากเกินคาด 0.5%