เศรษฐกิจจีนเริ่มกลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง หลังสำนักงานสถิติจีนเผยวานนี้ว่า เศรษฐกิจไตรมาสสองขยายตัว 7.9% จากปีก่อนหน้านี้ เพราะได้อานิสงส์จากการใช้แผนกระตุ้นเศรษฐกิจ 4 ล้านล้านหยวน (5.85 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจีนจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐและประเทศในเอเชียด้วยกันให้ขยายตัวดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยชดเชยอุปสงค์ที่ซบเซาจากประเทศเศรษฐกิจรายใหญ่ได้อีกด้วย
โดยจีนเป็นประเทศเดียวในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ 10 แห่งที่สามารถกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้ ทำให้จีนมีบทบาทสำคัญในการช่วยคลี่คลายวิกฤตเศรษฐกิจโลกตกต่ำครั้งรุนแรงตั้งแต่ยุคเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐยังคงหดตัว แม้ว่าแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีบารัค โอบามามูลค่า 7.87 แสนล้านดอลลาร์จะผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสให้บังคับใช้มานานถึง 5 เดือนแล้วก็ตาม
ไบรอัน แจ๊คสัน นักวิเคราะห์จากโรยัล แบงก์ ออฟ แคนาดาในฮ่องกงกล่าวว่า "แม้จีนไม่สามารถช่วยทั่วโลกได้ทั้งหมด แต่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีนก็ส่งผลดีอย่างเห็นได้ชัด โดยจีนมีช่องทางควบคุมการดำเนินธุรกิจของธนาคารหลายด้านและอยู่ในสถานะที่ดีกว่าสหรัฐในการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ"
ด้านนักวิเคราะห์จากโพลล์สำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 8.1% ในปีนี้ ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 9.1% ในปี 2553 ซึ่งตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากมาตรการลดหย่อนภาษีและการที่รัฐบาลใช้มาตรการจูงใจให้ผู้บริโภคซื้อยานยนต์และสินค้าด้านอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีส่วนกระตุ้นความต้องการนำเข้าสินค้า
ทั้งนี้ อินเทลเผยว่า ผู้บริโภคในเอเชียโดยเฉพาะประเทศจีนจะเป็นผู้นำด้านการฟื้นตัวของอุปสงค์คอมพิวเตอร์พีซี ดังจะเห็นได้จากยอดขายในเอเชียแปซิฟิกที่เพิ่มขึ้น 21% แตะที่ 4.41 พันล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ขณะที่ยอดขายในอเมริกาและยุโรปตกลง ขณะที่ยอดขายของฮุนไดในจีนเพิ่มขึ้น 56% จากปีก่อนหน้านี้แตะที่ 257,003 คันในช่วงครึ่งปีแรก ต่างจากยอดขายในสหรัฐที่เคยเป็นตลาดรายใหญ่สุดนั้นร่วงลง 11%