รายงานข่าวจากคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(กบข.)เปิดเผยว่า คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความผิดและความเสียหายกรณีนายวิสิฐ ตันติสุนทร อดีตเลขาธิการ กบข.ทำผิดประกาศและระเบียบของ กบข.กรณีซื้อขายหุ้นส่วนตัว แต่ไม่พบว่ามีการใช้ประโยชน์จากข้อมูลการลงทุนของ กบข.หรือสั่งการให้ กบข.ทำรายการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเอง ขณะที่เห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควร ทั้งนี้ คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงฯ ได้ตรวจสอบตามข้อกล่าวหาว่านายวิสิฐมีการซื้อขายหลักทรัพย์ส่วนตัวโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่ได้รายงานการซื้อขายหลักทรัพย์ส่วนตัวให้ถูกต้องครบถ้วนตามประกาศ หลักเกณฑ์ และระเบียบว่าด้วยการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อบัญชีพนักงาน
เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องพบว่า นายวิสิฐทำความผิดตามประกาศและระเบียบของ กบข. อย่างชัดเจนในการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อตนเองเป็นจำนวนมากตั้งแต่ปี 2546-2551 โดยไม่ได้ขออนุญาตต่อฝ่ายธรรมาภิบาล กบข.ก่อน
และ นายวิสิฐได้ซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อตนเองในบัญชีรายชื่อที่จำกัดการทำธุรกรรม (Restricted List) จำนวน 1 รายการ ซึ่งตามประกาศและระเบียบของ กบข. กำหนดให้เลขาธิการคณะกรรมการ กบข.ต้องละเว้นการซื้อขายหลักทรัพย์ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อดังกล่าวอย่างเด็ดขาด
อีกทั้ง นายวิสิฐได้รายงานการถือครองหลักทรัพย์เพื่อตนเองและรายงานการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อตนเองประจำไตรมาสไม่ครบถ้วนหลายกรณี โดยมีบางกรณีไม่ได้นำส่งรายงานและบางกรณีนำส่งรายงานล่าช้า ซึ่งผิดระเบียบปฏิบัติ
นอกจากนี้ข้อเท็จจริงปรากฏว่า นายวิสิฐได้ซื้อขายหลักทรัพย์หลายรายการที่ซื้อขายในวันเดียวกันหรือวันใกล้เคียงกับวันที่ กบข. เข้าซื้อขาย ซึ่งมีทั้งที่เป็นการซื้อขายในทิศทางเดียวกันและในทิศทางตรงกันข้ามกับ กบข.เป็นจำนวนมากถึง 78 รายการ แต่กระบวนการตัดสินใจลงทุนของ กบข.ในระดับคณะจัดการกลยุทธ์การลงทุนที่นายวิสิฐเป็นประธานจะวางนโยบายและกลยุทธ์การลงทุนในภาพรวม รวมทั้งกำหนดสัดส่วนการลงทุนและกลุ่มหลักทรัพย์ แต่การเลือกซื้อขายหุ้นรายตัวและจังหวะเวลาที่จะซื้อขายเป็นความรับผิดชอบของผู้จัดการกองทุนที่มีอิสระในการตัดสินใจ
จากการตรวจสอบไม่พบว่านายวิสิฐเข้าไปรับรู้ข้อมูลในระบบลงทุนของผู้จัดการกองทุน จึงเห็นว่าการที่นายวิสิฐซื้อขายในวันเดียวกันหรือวันใกล้เคียงกับวันที่ กบข. เข้าซื้อขาย ไม่ได้แสดงว่านายวิสิฐใช้ประโยชน์จากข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนของ กบข. หรือสั่งการให้ กบข. ไปทำรายการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเอง
ในส่วนเกี่ยวกับการพิจารณาความเสียหายต่อ กบข. เห็นว่า การซื้อขายของนายวิสิฐที่ไม่ได้ทำตามระเบียบดังกล่าว เป็นการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์และเป็นหลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง มีปริมาณการซื้อขายในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก ในขณะที่ปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ของนายวิสิฐในแต่ละครั้งมีปริมาณไม่มากเมื่อเทียบกับการซื้อขายหลักทรัพย์ของ กบข. จึงไม่ส่งผลให้ กบข.ต้องซื้อหลักทรัพย์ใดในราคาที่สูงกว่าราคาตลาดหรือต้องขายหลักทรัพย์ใดในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด เมื่อพิจารณาจากสภาพตลาดโดยรวมในขณะนั้น ทำให้ไม่อาจสรุปว่า กบข. ได้รับความเสียหายที่เป็นตัวเงินในการลงทุนดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการฯตรวจสอบเห็นว่า ผู้บริหารของ กบข. จะต้องมีจรรยาบรรณและเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่พนักงาน กบข. และองค์กรอื่นๆ ในด้านธรรมาภิบาล การที่นายวิสิฐเป็นผู้บริหารสูงสุดของ กบข.ได้ละเว้นไม่ปฏิบัติตามระเบียบและประกาศของ กบข. ที่เกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์และการรายงานการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ใช้บังคับโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการป้องกันข้อครหาและความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (Conflict of Interest)ขององค์กรกับผลประโยชน์ส่วนบุคคล จึงถือเป็นเรื่องที่ไม่สมควร และแม้ความผิดดังกล่าวจะไม่สามารถประเมินความเสียหายเป็นตัวเงินได้ แต่ก็ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและความไว้วางใจของสมาชิก และมีผลเสียหายต่อชื่อเสียงของ กบข. อีกด้วย
คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงฯ ยังมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงาน กบข. ในการตรวจสอบและติดตามเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ เพื่อบัญชีของพนักงาน กบข. และความเหมาะสมของนโยบายการให้เลขาธิการ พนักงาน กบข. และคู่สมรสสามารถซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งอาจก่อให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับการขัดกันของผลประโยชน์ขององค์กรกับผลประโยชน์ส่วนบุคคลด้วย