นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมพิจารณาออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคการท่องเที่ยว ทั้งมาตรการด้านการเงิน มาตรการด้านภาษี หรือมาตรการอื่นๆ โดยคาดว่าจะนำเสนอมาตรการทั้งหมดให้นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง พิจารณาได้ในวันที่ 20 ก.ค.นี้
เนื่องจากภาคการท่องเที่ยว เป็นภาคธุรกิจที่สำคัญในการสร้างรายได้ของประเทศ เพราะมีการรั่วไหลจากการนำเข้าน้อยกว่ารายได้จากภาคอุตสาหกรรม เช่น การลงทุนสร้างรถ ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่เหลือรายได้เพียงครึ่งเดียว เพราะมีการลงทุนนำเข้ามากสินค้าและวัตถุดิบมาใช้เพื่อการผลิต ดังนั้นรัฐบาลจึงจำเป็นต้องดูในภาคการท่องเที่ยวมากขึ้น
"ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่หามาตรการที่คิดนอกกรอบ ซึ่งอาจไม่เกี่ยวกับคลัง เช่น กรณี บมจ.การบินไทย มีเครื่องบินหลายร้อยลำ แต่ไม่ใช้ประโยชน์จอดทิ้งไว้ 20-30 ลำ ก็จะเสนอให้นำเครื่องบินเหล่านั้นไปรับชาวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวฟรี แต่ให้มาซื้อแพ็คเกจเที่ยวไทย หรือจะแบ่งให้สายการบินต้นทุนต่ำ(โลว์คอสแอร์ไลน์) เช่าก็ได้ แทนที่จอดเฉยๆ หารายได้อีกทาง" นายสมชัย กล่รว
นอกจากนี้ ยังมีในส่วนมาตรการอื่นๆ เช่น อิลิทการ์ด หรือกองทุนส่งเสริมการท่องเที่ยวให้ผู้ด้อยโอกาสทางสังคม เพื่อเปิดโอกาสให้เดินทางท่องเที่ยว โดยรัฐบาลจัดงบประมาณอุดหนุน เพื่อส่งเสริมให้คนไทยเที่ยวไทย
นายสมชัย กล่าวอีกว่า นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง จะเป็นประธาน การประชุมคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทย ในวันที่ 20 ก.ค.นี้ โดยจะมีการเสนอพิจารณาแผนการพัฒนาตลาดทุนให้เกิดการปฏิบัติจริง เพื่อยกระดับตลาดทุนไทย และคาดว่าจะเสนอแผนทั้งหมดให้ ครม.อนุมัติในเร็วๆ นี้ เพื่อให้มีผลในทางปฏิบัติต่อไป
โดยร่างแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ประกอบด้วย การแปลงสภาพของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การลดการผูกขาดตลาดหลักทรัพย์ การเสนอแนวทางสร้างระบบหลักประกันชราภาพ ให้สิทธิประชาชนมี่ระบบบำนาญที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) หรือสิทธิประกันอื่น รวมถึงการเสนอแก้ไขกฎหมายต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาตลาดทุน ปรับปรุงภาษีพัฒนาตลาดทุน
"แผนพัฒนาตลาดทุนไทยที่เรียกว่า มาตรการบิ๊กแบงค์ ส่วนใหญ่จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตลาดทุน ซึ่งแผนทั้งหมดได้ศึกษาเรียบร้อยแล้ว เพื่อเสนอให้คณะกรรมการพิจารณา" นายสมชัย กล่าว