ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและเงินปอนด์ ในการซื้อขายในตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (20 ก.ค.) เนื่องจากข่าวในด้านบวกของบริษัท ซีไอที กรุ๊ป อิงค์ และข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ได้กระตุ้นนักลงทุนให้เทขายสกุลเงินดอลลาร์และเข้าเทรดในตลาดหุ้น
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.94% แตะที่ 1.4228 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.4096 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้น 1.32% แตะที่ 1.6543 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.6328 ดอลลาร์/ปอนด์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.77% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0678 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.0761 ฟรังค์/ดอลลาร์ แต่ขยับขึ้น 0.08% เมื่อเทียบกับเยนที่ 94.250 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 94.170 เยน/ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 1.71% แตะที่ 0.8161 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.8024 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย ส่วนค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 1.94% แตะที่ 0.6568 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.6443 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ไมเคิล วูลฟอล์ค นักวิเคราะห์ด้านปริวรรตเงินตราจากแบงค์ ออฟ นิวยอร์ก กล่าวกับสำนักข่าวเอพีว่า "ก่อนหน้านี้นักลงทุนแห่ซื้อดอลลาร์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในยามที่เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญกับภาวะถดถอย แต่ในช่วงหลายวันมานี้ นักลงทุนเทขายดอลลาร์หลังจากมีสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้น โดยล่าสุดสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด รายงานว่าดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 0.7% มากกว่าที่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.4% และเป็นสถิติที่ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3"
ขณะเดียวกันดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่าบริษัท ซีไอที กรุ๊ป อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ปล่อยกู้แก่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจำนวนหลายแสนแห่งในสหรัฐ ได้บรรลุข้อตกลงชั่วคราวกับกลุ่มผู้ถือหุ้นกู้ในการระดมทุนฟื้นฟูกู้กิจการราว 3 พันล้านดอลลาร์ โดยซีไอทีคาดหวังว่าข้อตกลงดังกล่าวจะช่วยให้ทางบริษัทสามารถหลีกเลี่ยงจากภาวะล้มละลาย
นักลงทุนเทขายดอลลาร์มากขึ้นเมื่อภาคเอกชนของสหรัฐรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาด รวมถึงบริษัท ฮาสโบร ผู้ผลิตของเล่นรายใหญ่รายงานตัวเลขกำไรเพิ่มขึ้น 5% ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ และบริษัท ฮัลลิเบอร์ตัน โค รายงานผลกำไรลดลง 48% แต่ยังไม่มากเท่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ ซึ่งช่วยหนุนหุ้นฮัลลิเบอร์ตันปิดบวก 4.4%
ส่วนค่าเงินปอนด์แข็งขึ้นหลังจากสภาสมาคมผู้ปล่อยสินเชื่อจำนองบ้านเปิดเผยว่า อัตราการปล่อยกู้จำนองบ้านของอังกฤษในเดือนมิ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้านี้ ซึ่งตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบเป็นรายเดือนนั้นส่วนใหญ่เป็นผลจากปัจจัยตามช่วงเวลามากกว่าปัจจัยด้านการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
นักลงทุนจับตาดูผลประกอบการของบริษัทที่จะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสสองในสัปดาห์นี้ รวมถึงบริษัท อเมริกัน เอ็กซ์เพรส (เอเม็กซ์), โบอิ้ง โค, อเมซอน ดอทคอม อิงค์, แอปเปิ้ล อิงค์, โคคา-โคลา, อีเบย์ อิงค์, เปปซี่ โค และสตาร์บั๊คส์ นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดู เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะแถลงมุมมองเศรษฐกิจรอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสสหรัฐในวันอังคารและวันพุธนี้ โดยนักลงทุนคาดหวังว่าเบอร์นันเก้จะส่งสัญญาณการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบสอง และเสนอแนวทางให้เฟดยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) ไว้ที่ระดับต่ำสุดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น