การประชุมรัฐมนตรีการค้ากลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) เปิดฉากการประชุมเป็นเวลา 2 วันขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์ในวันนี้ ก่อนจะมีการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคช่วงเดือนพฤศจิกายน โดยที่ประชุมจะมุ่งหารือประเด็นการแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลก นโยบายกีดกันทางการค้า รวมถึงการผลักดันการเจรจาการค้ารอบโดฮาที่หยุดชะงักลงให้เดินหน้าต่อไปได้
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ในวันนี้รัฐมนตรีจาก 21 ชาติสมาชิกเอเปคเตรียมออกแถลงการณ์ที่พุ่งเป้าถึงปัญหาด้านกระบวนการเจรจาการค้าโลก ภัยคุกคามจากการใช้นโยบายกีดกันทางการค้า ขณะเดียวกันที่ประชุมแสดงความหวังว่าจะสามารถจัดการเจรจาการค้ารอบโดฮาได้ภายในปี 2553 ซึ่งแถลงการณ์ฉบับนี้จะมีขึ้นเพิ่มเติมจากแถลงการณ์ร่วมซึ่งออกภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมในวันพรุ่งนี้
รายงานวาระการประชุมระบุว่า "ประเด็นสำคัญที่จะนำมาหารือกันในที่ประชุมได้แก่ การร่วมกันหาวิธีทำให้กลุ่มประเทศเอเปคเพิ่มบทบาทการขยายตัวและกระจายผลประโยชน์ทางสังคมเป็นวงกว้างมากขึ้น การหารือถึงแนวทางการต่อต้านนโยบายกีดกันทางการค้า และการสนับสนุนระบบการค้าแบบพหุภาคี"
นอกจากนี้ ปาสกาล ลามี ผู้อำนวยการองค์กรการค้าโลก (WTO) จะเข้าประชุมเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวด้านการเจรจาการค้าในโลกด้วยเช่นกัน ขณะที่รัฐมนตรีอาจหารือถึงการสร้างหลักประกันทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลต้องคอยสอดส่องดูแลให้มีการฟื้นตัวโดยปราศจากการใช้นโยบายกีดกันทางการค้าโดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกา ท่ามกลางสัญญาณบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นทั่วโลก เพราะนโยบายดังกล่าวจะสร้างความเสียหายต่อบรรยากาศการค้าโดยรวมท่ามกลางการหารูปแบบใหม่ๆทางเศรษฐกิจที่เน้นการขยายตัวอย่างมั่นคงและยั่งยืนเป็นสำคัญ
ทั้งนี้ สมาชิกกลุ่มประเทศเอเปคประกอบด้วย ออสเตรเลีย บรูไน แคนาดา จีน ฮ่องกง อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย เม็กซิโก นิวซีแลนด์ ปาปัวนิกินี เปรู ฟิลิปปินส์ รัสเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน ไทย สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม