สมาคมเหล็กโลก (World Steel Association) เปิดเผยว่า ผลผลิตเหล็กทั่วโลกทรุดตัวลง 21.3% ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งมีเพียงผู้ผลิตเหล็กของจีนและอินเดียเท่านั้นที่เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ โดยผลผลิตเหล็กของจีนเพิ่มขึ้น 1.2% ขณะที่ผลผลิตเหล็กของอินเดียขยับขึ้นเพียง 1.3%
ส่วนผลผลิตเหล็กในอเมริกาเหนือลดฮวบลงเกือบครึ่งหนึ่ง ขณะที่ผลผลิตในยุโรปดิ่งลง 43.2% ส่วนผลผลิตเหล็กในภูมิภาคเอเชียซึ่งสามารถผลิตได้ในสัดสว่น 2 ใน 3 ของผลผลิตเหล็กทั่วโลก ลดลง 7.8%
สมาคมเหล็กโลกระบุว่า ผลผลิตเหล็กทั่วโลกชะลอตัวในอัตราที่ช้าลงในเดือนมิ.ย. โดยผลผลิตปรับตัวลงเพียง 16% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนเมื่อปีที่แล้ว ผลผลิตเหล็กทั่วโลกปรับตัวลงหลังจากที่ได้ทะยานขึ้นติดต่อกันเป็นเวลา 6 ปี เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของดีมานด์เหล็กที่ใช้ในการก่อสร้างและอุตสาหกรรมรถยนต์
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ผลผลิตเหล็กทั่วโลกร่วงลงหลังจากผู้ผลิตเหล็กสต็อกสินค้าไว้ในคลังจำนวนมาก เพราะคาดหวังว่าดีมานด์จากกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่จะเพิ่มขึ้นแม้เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศร่ำรวยจะหดตัวลงก็ตาม นอกจากนี้ บริษัทผลิตเหล็กหลายแห่ง รวมถึงอาร์เซลอร์มิตตัล กำลังเลย์ออฟพนักงานและลดปริมาณการผลิต