หม่า เหว่ยหัว ซีอีโอธนาคารไชน่า เมอร์แชนท์ส แบงค์ ธนาคารขนาดใหญ่อันดับ 5 ของจีนเมื่อพิจารณาจากมูลค่าตลาด กล่าวว่า ทางธนาคารพร้อมกับธนาคารอื่นอีกอย่างน้อย 5 แห่ง เตรียมไปเปิดสาขาในไต้หวันหลังความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศเริ่มดีขึ้นแล้ว
"เราไม่ใช่ธนาคารแห่งเดียวที่จะทำเช่นนั้น ยังมีธนาคารอีก 5-6 แห่งที่คิดเหมือนเรา" นายหม่ากล่าว "นอกจากนั้นเรายังมีส่วนร่วมในการเจรจาข้อตกลงบริการด้านการเงินระหว่างจีนกับไต้หวันด้วย"
บลูมเบิร์กรายงานว่า จีนและไต้หวันกำลังเจรจาข้อตกลงดังกล่าวเพื่อให้เกิดการลงทุนข้ามประเทศระหว่างสถาบันการเงินของทั้งสองประเทศ หลังจากที่มีการห้ามทำการลงทุนระหว่างกันเป็นเวลานานถึง 50 ปี โดยเมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา แบงค์ ออฟ ไชน่า แสดงความจำนงว่าต้องการเป็นธนาคารจีนแห่งแรกที่เปิดสาขาในไต้หวัน
"การลงนาม MOU ระหว่างจีนและไต้หวันเป็นไปด้วยดี จะมีความเห็นแตกต่างกันก็เพียงในรายละเอียดเล็กน้อยเท่านั้น" ซูซาน จาง ประธานแบงค์ ออฟ ไต้หวัน กล่าวเมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังกลับจากการเยือนกรุงปักกิ่งพร้อมตัวแทนจากธนาคารอื่นๆ ในไต้หวัน
ในขณะเดียวกัน อินดรัสเทรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงค์ ออฟ ไชน่า และ แบงค์ ออฟ คอมมิวนิเนส์ ต่างแสดงความว่าต้องการเปิดสาขาในไต้หวันหลังจากที่ทั้งสองประเทศบรรลุข้อตกลงกันแล้ว
การสานสัมพันธ์กับจีนอาจช่วยให้ไต้หวันฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้เร็วขึ้น หลังจากที่เศรษฐกิจไต้หวันหดตัวมากเป็นประวัติการณ์ถึง 10.2% ในไตรมาสแรกเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
เมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา จีนประกาศว่าจะยกเลิกคำสั่งห้ามลงทุนในไต้หวันตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.เป็นต้นไป หลังจากที่อนุญาตให้สถาบันการเงินของสองประเทศทำธุรกรรมระหว่างกัน ขยายเที่ยวบินตรงระหว่างสองประเทศ และสร้างความร่วมมือในการต่อต้านอาชญากรรม เมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา และในวันเดียวกันนั้นเองไต้หวันได้ประกาศว่าจะอนุญาตให้นักลงทุนสถาบันจีนซื้อหุ้นในไต้หวันได้
ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและไต้หวันดีขึ้นหลังจากที่ หม่า อิง จิว เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีไต้หวันเมื่อเดือนพ.ค.ปีที่แล้ว