บริษัท บีเอชพี บิลลิตัน ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองรายใหญ่สุดในโลกเผยการผลิตสินแร่เหล็กไตรมาส 2 ปีนี้อ่อนตัวลง 10% นับเป็นสถิติการผลิตที่อ่อนตัวลงติดต่อกัน 4 ไตรมาส เนื่องจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นที่เหมือง รวมทั้งการขยายโครงการในรัฐเวสเทิร์น ออสเตรเลีย โดยยอดการผลิตไตรมาส 2 อยู่ที่ 27.05 ล้านเมตริคตัน เมื่อเปรียบเทียบกับระดับปีที่แล้วที่ 29.92 ล้านตัน ขณะที่การผลิตสินแร่เหล็กของริโอ ทินโต เพิ่มขึ้น 8%
ดีมานด์สินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกยังคงอยู่ในระดับปานกลาง และการผลิตสินแร่เหล็กก็จะยังคงได้รับผลกระทบจากการขยายโครงการมูลค่าถึง 4.8 พันล้านดอลลาร์ในออสเตรเลีย ส่วนการนำเข้าสินแร่เหล็กของจีน ซึ่งเป็นผู้ซื้อรายใหญ่สุดของบริษัทนั้น พุ่งขึ้น 29% ในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากการดีดตัวขึ้นของเศรษฐกิจที่กระพือความต้องการใช้งานเหล็ก
บลูมเบิร์กรายงานว่า แกรนท์ เคร้กเฮด กรรมการผู้จัดการของสต็อค รีซอร์ส ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยเหมืองและพลังงาน กล่าวว่า การขยายงานเกี่ยวกับสินแร่เหล็กนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สมควรทำ เนื่องจากดีมานด์เหล็กในระยะกลางและระยะยาวนั้นมีแน่นอน ขณะที่เศรษฐกิจจีนและอินเดียขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
บีเอชพีระบุว่า จีนซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าโลหะรายใหญ่สุดนั้น ได้สร้างสำรองไว้เป็นจำนวนมากแล้ว ตอนนี้ อเมริกาเหนือ ยุโรป และญี่ปุ่นก็เริ่มที่จะปรับสำรองโลหะของตนเองเช่นกัน อย่างไรก็ดี ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ก็จะได้รับอิทธิพลจากปฏิกริยาด้านอุปทาน เนื่องจากความสามารถในการผลิตที่ยังไม่ชัดเจนในภาคอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ การผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ 12 ประเภทหลักรายไตรมาส ซึ่งนับรวมถึงทองแดง ถ่านหิน เพิ่มขึ้น และการผลิตโดยรวมก็สูงกว่าที่โกลด์แมน แซคส์ เจบีเวอร์ได้คาดการณ์ไว้ ซึ่งการผลิตสินแร่เหล็กของออสเตรเลียนั้นก็สอดคล้องกับการคาดการณ์เข่นกัน