นายซู จิง รองเลขาธิการองค์การท่องเที่ยวโลกในสังกัดองค์การสหประชาชาติ (UNWTO) เปิดเผยในวันนี้ว่า อินโดนีเซียเป็นเพียงประเทศเดียวในโลกที่มีอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวขยายตัวแข็งแกร่งสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้
"นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังเกาะบาหลี ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของอินโดนีเซีย เพิ่มขึ้น 9% ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวในแห่งอื่นๆของโลกลดลง 8% แต่ผมคงไม่สามารถระบุตัวเลขที่แน่นอนในขณะนี้ได้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวโดยรวมที่เข้ามาในอินโดนีเซียมีจำนวนเท่าใด" นายจิงกล่าว
"นี่เป็นข่าวดีอย่างยิ่ง รัฐบาลอินโดนีเซียสามารถบริหารงานจนทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวขยายตัวแซงหน้าชาติอื่นๆในโลก ทั้งๆที่อินโดนีเซียได้ชื่อว่าประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรงที่สุด รวมถึง สึนามิ แผ่นดินไหว เหตุการณ์ลอบวางระเบิด และอื่นๆอีกมากมาย" เขากล่าว
นอกจากนี้ รองเลขาธิการ UNWTO คาดการณ์ว่า เหตุการณ์ลอบวางระเบิดโรงแรมหรู 2 แห่งในอินโดนีเซียเมื่อไม่นานมานี้ จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวภายในประเทศเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะเหตุการณ์ครั้งล่าสุดมีความรุนแรงน้อยกว่าเมื่อครั้งที่เกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิถล่มชายฝั่งอันดามันและเหตุการณ์ลอบวางระเบิดที่บาหลี
"เราคาดว่าอินโดนีเซียจะฟื้นตัวเร็วๆนี้ และคาดว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะยังคงเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญที่สุดของประเทศ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะรัฐบาลอินโดนีเซียมีประสิทธิภาพในการให้ข้อมูลที่รวดเร็ว รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์โจมตี ซึ่งรัฐบาลอินโดนีเซียได้จัดตั้งศูนย์ข้อมูลเพื่อเผยแพร่ข่าวที่ถูกต้องอย่างเป็นทางการ" นายจริงกล่าว
กระทรวงท่องเที่ยวแห่งอินโดนีเซียเปิดเผยว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเยือนอินโดนีเซียในปีพ.ศ.2551 มีอยู่ทั้งสิ้น 6.4 ล้านคน พุ่งขึ้นจากปีพ.ศ.2550 ที่ระดับ 5.5 ล้านคน และคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 6.5 ล้านคน สำนักข่าวซินหัวรายงาน