โบอิ้ง โค สามารถทำกำไรไตรมาส 2 ได้มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ พร้อมกันนั้นได้ตรึงคาดการณ์รายได้ปี 2552 ไว้เท่าเดิมจนกว่าทางบริษัทจะเสร็จสิ้นการประเมินแรงกดดันด้านการเงินที่เกิดจากการเลื่อนส่งมอบเครื่องบินรุ่น 787 ดรีมไลเนอร์
โดยรายได้สุทธิของบริษัททะยาน 17% แตะ 998 ล้านดอลลาร์ หรือ 1.41 ดอลลาร์ต่อหุ้นในไตรมาส 2 จาก 852 ล้านดอลลาร์ หรือ 1.16 ดอลลาร์ต่อหุ้นเมื่อปีที่แล้ว ส่วนยอดขายขยายตัว 1.1% แตะ 1.72 หมื่นล้านดอลลาร์
โบอิ้งมียอดขายเครื่องบินเพื่อการพาณิชย์น้อยกว่าแอร์บัส แต่สามารถขายเครื่องบินขับไล่และเฮลิคอปเตอร์อาปาเช่ได้มากกว่า นอกจากนั้นยังส่งมอบเครื่องบินโดยสารได้ถึง 125 ลำ ซึ่งน้อยกว่าไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วเพียง 1 ลำ แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะทำให้มีการยกเลิกออร์เดอร์จำนวนมากก็ตาม
อย่างไรก็ตาม การที่โบอิ้งไม่กำหนดเวลาส่งมอบเครื่อง 787 ใหม่ หลังจากที่เลื่อนการส่งมอบไปเมื่อเดือนที่แล้วเนื่องจากต้องเสริมความแกร่งเพิ่มเติมให้กับส่วนปีก อาจทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในบริษัท
"การที่บริษัทไม่ยอมกำหนดเวลาส่งมอบใหม่แสดงให้เห็นว่าบริษัทอาจเลื่อนการส่งมอบไปอีก 6 เดือน" ร็อบ สตอลลาร์ด นักวิเคราะห์จากบริษัท แมคควอรี่ แคปิตอล ในนิวยอร์ก กล่าว "และมีความเป็นไปได้ว่าอาจไม่มีการส่งมอบเครื่อง 787 เลยในปีหน้า ซึ่งข่าวในวันนี้อาจเป็นอุปสรรคต่อการปรับตัวสูงขึ้นของหุ้นโบอิ้ง"
ทั้งนี้ หุ้นโบอิ้งร่วง 1.02 ดอลลาร์ หรือ 2.4% แตะ 42 ดอลลาร์ ณ เวลา 16.15 น.ที่ตลาดหุ้นนิวยอร์ก โดยหุ้นดังกล่าวร่วงลงกว่า 59% นับตั้งแต่มีการเลื่อนส่งมอบเครื่องบินครั้งแรกเมื่อเดือนต.ค.ปี 2550 สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน