บริษัท ไมโครซอฟท์ คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตซอฟท์แวร์รายใหญ่อันดับหนึ่งของโลก เปิดเผยว่า ผลกำไรไตรมาสสองร่วงลง 29% และมียอดขายต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากดีมานด์ระบบปฏิบัติการ Windows และซอฟท์แวร์ Office ยังคงปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้ราคาหุ้นไมโครซอฟท์ดิ่งลง 8.8%
ไมโครซอฟท์เปิดเผยว่า รายได้สุทธิไตรมาสแรกสองมีอยู่ทั้งสิ้น 1.31 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ที่ 1.45 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนเมื่อไตรมาส 4 ปีที่แล้ว รายได้สุทธิมีอยู่ทั้งสิ้น 3.05 พันล้านดอลลาร์ หรือ 34 เซนต์ต่อหุ้น ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาก่อนหน้านี้ที่ 4.3 พันล้านดอลลาร์ หรือ 46 เซนต์ต่อหุ้น
เบรนแดน บาร์นิเคิล นักวิเคราะห์จาก Pacific Crest Securities กล่าวว่า ยอดขายในธุรกิจหลักๆของไมโครซอฟท์ลดลงถ้วนหน้า โดยรายได้จากการขายระบบปฏิบัติการ Window ดิ่งลง 29% หลังจากตลาดพีซีหดตัวลงติดต่อกัน 3 ไตรมาส และเนื่องจากผู้บริโภคบางกลุ่มยังไม่ซื้อระบบดังกล่าวจะกว่าจะมีการเปิดตัว Window เวอร์ชั่นใหม่ในเดือนต.ค. ส่วนดีมานด์ Office และยอดลงโฆษณาบนเว็บของไมโครซอฟท์ก็หดตัวลงเช่นกัน
"ผลประกอบการของไมโครซอฟท์ทำให้นักลงทุนผิดหวังอย่างมาก และถือเป็นรายได้ที่ต่ำกว่าคาดการณ์อย่างมีนัยสำคัญ" บาร์นิเคลกล่าว พร้อมกับปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นไมโครซอฟท์ลงสู่ระดับ “outperform"
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ราคาหุ้นไมโครซอฟท์ดิ่งลง 2.25 ดอลลาร์ แตะระดับ 23.31 ดอลลาร์ในการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกซึ่งมีขึ้นหลังจากตลาด Nasdaq ปิดทำการ ส่วนเมื่อไตรมาสสี่ปีที่แล้ว ราคาหุ้นไมโครซอฟท์ทะยานขึ้น 29%