สำนักงานสถิติเวียดนามเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลการค้าของเวียดนามในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ลดลงไป78% แตะ 3.4 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่ 1.52 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดการส่งออกอ่อนตัวลง 13% แตะ 3.23 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนการนำเข้าร่วงลง 32% แตะ 3.57 หมื่นล้านดอลลาร์
โดยยอดขาดดุลการค้าที่ลดลงอาจจะช่วยหนุนเงินดองที่ได้รับผลกระทบจากความวิตกกังวว่า เงินดอลลาร์ที่มีการเก็บไว้จำนวนมากอาจจะทำให้กลุ่มผู้ประกอบการในประเทศมีปัญหาในการนำเข้าสินค้า
อินโดไชน่า แคปิตอล เวียดนาม โฮลดิ้งส์ เปิดเผยว่า ยอดดุลการค้าของเวียดนามปรับตัวดีขึ้นมาก ขณะที่ดรากอน แคปิตอล ผู้จัดการกองทุนในกรุงโฮ จิ มินห์คาดการณ์ว่า ยอดขาดดุลตลอดทั้งปีคาดว่า จะไม่สูงไปกว่าระดับ 8 พันล้านดอลลาร์ โดยมีการคาดการณ์ว่า เพดานการค้าสูงสุดจะอยู่ที่ 1.75 หมื่นล้านดอลลาร์
บลูมเบิร์กรายงานว่า เอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ ระบุว่า ยอดขาดดุลการค้าที่สูงขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจเริ่มจะฟื้นตัวอาจจะเป็นปัจจัยที่น่ากังวลเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินดอง ซึ่งปัจจุบันอ่อนไหวแต่มีเสถียรภาพ แนวโน้มของยอดขาดดุลที่ลดลงอาจจะทำให้เงินดองอ่อนค่าเร็วยิ่งขึ้น
สัปดาห์นี้ เงินดองอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 17,862 ดองต่อดอลลาร์ ด้านบริษัทผู้ผลิตเหล็กก็ได้ขอให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือด้วยการตรึงค่าเงินดอลลาร์ไว้ เพราะต้องใช้เงินดอลลาร์ในการนำเข้าสินค้า